[สารพัด-ที่จะสู้] 18 สิ่งที่ทำ…จนมีหอพัก-มีธุรกิจ [ข้าราชการสาว-ลูกชาวนา]
[สารพัด-ที่จะสู้] 18 สิ่งที่ทำ…จนมีหอพัก-มีธุรกิจ [ข้าราชการสาว-ลูกชาวนา]
สู้ไปเฮอะ… ถึงล้มบ้าง-แพ้บ้าง แล้วซักวันหนึ่งจะเป็นของเรา…
บ้างคน… อาจเคย “ล้ม”
บ้างคน… อาจเคย “แพ้”
บ้างคน… อาจกำลัง “ท้อแท้ ถอดใจ…ยอมแพ้”
เพราะ…เริ่มขายของครั้งแรก ก็ขาดทุนย่อยยับ… อยากจะบอกเพื่อนๆว่า… “อย่าพึ่งยอม”
“การล้มครั้งแรก มันอาจจะเจ็บหน่อย” เพราะพึ่งเคยเจ็บเป็นครั้งแรก…
แต่พอ…เจ็บ ครั้งที่ 2 , ครั้งที่ 3
มันก็จะเริ่มชิน…ไปเอง และทำให้เราแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
อย่างเรื่องราว…ของคุณกุ้ง ที่ทำงานพิเศษมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม จนจบปริญญาตรี แล้วมารับราชการ เธอทำงานประจำคู่กับการอาชีพเสริมมาตลอด..
ค้าขายมาแล้ว…สารพัดอย่าง งานรับจ้างก็ทำ ทำมามากมาย จนแทบสาธยายไม่หมด วันนี้ทีมงาน เว็บไซต์ ทำเลขายของ.com จะพาไปดูอีกประสบการณ์ ที่เธอสู้มาสารพัด จนผู้เขียนต้องวงเล็บ และลองนับเล่นๆดู , OH! 18 อย่าง ที่ทำมาแล้ว… อย่ารอช้า….ไปดูกันเลยครับ
ลูกชาวนา ฐานะปานกลาง
คุณกุ้ง เกิดในครอบครัวชาวนา ฐานะปานกลาง ไม่ถือว่าลำบากอะไรมาก เพราะ พ่อ-แม่ดูแลอย่างดี แต่อาชีพเกษตรกร หลังสู้ฟ้า-หน้าสู่ดิน มันลำบากสุดๆ ทุกบาททุกสตางค์ต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อยของพ่อแม่
จึงคิดที่จะแบ่งเบาภาระของครอบครัว ด้วยการหารายได้พิเศษ ตั้งแต่ยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษา
สารพัด..จะทำ ระหว่างเรียน
หารายได้พิเศษ…ด้วยการรับจ้างทำรายงานให้เพื่อน(1) พอศึกษาต่อระดับ ปวช. ก็รับงานมาพิมพ์(2) , รับทำวิจัย(3) , วิทยานิพนธ์(4) รวมถึงรับแปลภาษา(5) เพราะปกติเป็นคนชอบอ่านหนังสือมากๆ อ่านทุกอย่างที่ให้ความรู้ ส่วนใหญ่จะศึกษาและเรียนรู้ด้วยตัวเอง จากแหล่งข้อมูลในอินเตอร์เน็ต หรือ บ้างทีก็ไปแอบยืนอ่านที่ร้านขายหนังสือ(ประหยัดดีค่ะ)
ต่อมา…ศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี ก็เลือกเรียนหลักสูตร ที่เรียนเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ เพราะวันจันทร์-ศุกร์ ก็จะได้ไปทำงาน ซึ่งตอนนั้นได้ทำงานที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง–ในตำแหน่งลูกจ้างชั่วคราว(6) เพื่อเอาเงินมาเป็นค่าเทอมส่งตัวเองเรียน
ต่อมาสอบเป็นพนักงานราชการของหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่งได้ แต่ได้เงินเดือนน้อย(เพราะยังไม่บรรจุ) งานพิมพ์ที่เคยทำอยู่ก็เริ่มน้อยลง จึงต้องมองหาอาชีพเสริมอย่างอื่นทำ ได้สั่งข้าวโพดดิบจากไร่มาต้มเอง(7) เอาไปขายตอนช่วงพักเที่ยง พอตอนเย็นก็ไปขายขนมปังที่ตลาดนัดตอนเย็น(ที่ตลาดนัดทรัพย์อนันต์)
แต่ถ้าวันไหนขายไม่หมดก็ขาดทุน เลยลองมาขายเสื้อผ้าเด็กตามตลาดนัดดูบ้าง(8) แล้วยังขายประกันชีวิต(9) ทำธุรกิจขายตรง(10) ควบคู่กันไปด้วย
จบ ป.ตรี
หลังจากเรียนจบได้ไม่กี่เดือนก็สอบบรรจุเป็นข้าราชการได้ต้องไปบรรจุอยู่ที่ กทม. ภาระค่าใช้จ่ายก็เพิ่มมากขึ้น วันเสาร์-อาทิตย์ จึงไปรับจ้าง(11) ทำงานที่สำนักงานทนายความได้ค่าจ้างวันละ 300 บ.
บางวันจะต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 ขึ้นรถเมล์ไปสำเพ็ง เพื่อไปซื้อของกิ๊ฟช็อป(12) มานั่งปูผ้าขายริมฟุตบาตรตอนเย็นๆ หลังเลิกงาน ถ้าสัปดาห์ไหนได้กลับบ้านที่พิษณุโลกก็จะไปซื้อขนมยกลัง(13) มาชั่งแพ็คใส่ถุงขายให้คนในสำนักงานฯ
อยู่กทม. ประมาณ 9 เดือน ก็ได้ย้ายกลับมาที่พิษณุโลก แต่ก็ยังไม่หยุดที่จะหาอาชีพเสริมทำ
จึงเริ่มเปิดเว็บรับ pre-order เสื้อผ้านำเข้าจากจีน ฮ่องกง ไต้หวันทางออนไลน์(14) ด้วยความที่มีพื้นฐานทางด้านภาษาอยู่บ้าง จึงติดต่อสั่งซื้อด้วยตัวเองจากต่างประเทศ ช่วงนั้นมีลูกค้าเยอะมาก เพราะยังไม่มีคนทำมากนัก
แต่ข้อเสียของการ pre-order คือ สินค้ามักกำหนดวันถึง…ที่แน่นอนไม่ได้ บางครั้งได้ของมาคุณภาพไม่ดี ไม่เหมือนแบบในรูป ก็ต้องโอนเงินคืนลูกค้าไป หรือบางครั้งกรมศุลกากรสุ่มแกะกล่องตรวจเพราะส่งทางไปรษณีย์ ก็ต้องเสียภาษีเยอะ ทำให้ไม่คุ้มจึงเลิกทำไป
ยังหาอาชีพเสริมใหม่ๆ ก็ลองดู…ซิ
ต่อมา…จึงรับงานแฮนด์เมดจากบริษัทส่งออกมาทำ(15) โดยคุณกุ้งจะเป็นคนกลางรับงาน และ ไปสอนให้ชาวบ้านในหมู่บ้านทำเพื่อให้เขามีรายได้ บางช่วงเจองานเร่งมาก ไม่ได้นอนติดต่อกัน 2 วันก็มี
ยอมรับว่าเป็นงานที่เหนื่อยที่สุด ค่าขนส่งก็ต้องออกเอง ถ้างานเสร็จไม่ทันกำหนดก็ถูกปรับอีก ที่สุด…จึงหยุดทำอีก
จากนั้น…ลองเปิดเพจทำงานฝีมือขายทางออนไลน์(16) คือ ถักตุ๊กตาไหมพรมและขายไหมพรม แต่เนื่องจากสินค้าประเภทนี้ เป็นสินค้าตามกระแส จะมีช่วงอายุของสินค้าที่จำกัดและสั้นตามความนิยม ทำได้ไม่นานก็ต้องเลิกทำไป
ไปเปิดร้านขายในห้างดูบ้าง…
หลังจากนั้น…ก็มีคนรู้จัก ได้ชวนลงทุนเปิดร้านขายกิ๊ฟช็อป-ชิ้นละ 20 บ.(17) ในห้างฯ ที่เปิดใหม่ เราลงหุ้นกันคนละ 2 แสนกว่าบาท ช่วงเดือนที่ 1-3 , ขายดีมากเพราะ เป็นช่วงเปิดห้างฯใหม่ แต่ขายได้ประมาณ 9 เดือน ก็ต้องเลิกกิจการ เพราะค่าเช่าพื้นที่สูงและยอดขายก็เริ่มลดลงเรื่อยๆ
ทำให้ได้ข้อคิดว่า… “ขายของถูก..แต่ค่าที่แพง ก็ไม่ต่างกับเราเป็นพนักงานของห้างฯ” “เหมือนเราเป็นคนหารายได้ให้ห้างแต่ตัวเองไม่ได้อะไรเลย”
ถูกโกง
พอเลิกจากขายในห้าง เพื่อนคนเดิมมาชวนให้ธุรกิจขายส่งกิ๊ฟช็อป(18) เขาบอกว่า…เค้ามีออร์เดอร์ จากร้านค้าต่างๆ แต่ขาดเงินทุน จึงชวนให้มาลงทุนด้วย โดยเค้าจะแบ่งเปอร์เซนต์ให้ จะอยู่ที่ประมาณ 5-8% ต่อครั้ง และใช้เวลาแค่ 7-10 วันก็ได้เงินคืน
จากเงินลงทุนครั้งแรกๆ หลักหมื่น จนกลายมาเป็นหลักแสน , ช่วงแรกก็ได้ทั้งกำไร และเงินต้น , แต่ตอนหลังเงียบหายไปเลย สูญเงินไปหลายบาท มารู้ที่หลัง…ว่า ยังมีหลายคนที่โดนเหมือนกัน (เค้าทำเหมือนลักษณะแชร์ลูกโซ่เลย)
ทำให้ได้…บทเรียน จากความไว้ใจ “อย่าให้ใจเกินร้อย กับทุกคน เพราะบ้างคน…เขาไม่เคยคิดมีใจกับเรา”
Advertisements
ล้มแล้วลุก-เจ็บแล้วจำ ทำครั้งใหม่ด้วยจิตวิญญาณ
ความท้อ…อยู่กับคุณกุ้งได้ไม่นาน คุณกุ้งก็เริ่มสานฝันครั้งใหม่ หาธุรกิจใหม่ๆ…ทำอีก ประสบการณ์ที่ผ่านมาทุกครั้ง ทำให้คุณกุ้งแกร่งขึ้นเลยๆ ได้ความรู้ในการทำธุรกิจ ได้จิตใจที่เข้มแข็งมากขึ้นกว่าเก่า ทุกครั้ง…ที่เริ่มใหม่ จึงดีขึ้นเลยๆ
ธุรกิจครั้งนี้…จงเริ่มจากสิ่งใกล้ตัว ดูสิ่งที่ชอบและถนัด
เข้าสู่…ธุรกิจเครื่องสำอาง
ด้วยที่คุณกุ้ง เป็นคนรักสวย-รักงาม ใช้เครื่องสำอางมาหลากหลาย จนบ้างครั้งหน้าพัง-แพ้มากๆ เธอจึงคิดหาเครื่องสำอาง ที่ตอบโจทย์ คนผิวแพ้ง่าย พร้อมกับสร้างแบรนด์สินค้าของตัวเอง
คุณกุ้ง(เสื้อฟ้า) , ลูกพี่ลูกน้อง(เสื้อขาว)
คุณกุ้ง…ใช้เงินทุนที่เหลืออยู่ รวมหุ้นกับลูกพี่ลูกน้องอีกคน ลงทุนทำเครื่องสำอาง โดยใช้ชื่อแบรนด์ว่า “Ina” ต้องหาโรงงานผลิตที่มีคุณภาพ ทดลองปรับสูตรนานกว่า 6 เดือน กว่าจะได้สินค้า ที่ตรง concept คือ เครื่องสำอางสำหรับผู้มีปัญหาผิวแพ้ง่าย เป็นสิว ฝ้า กระ หลุมสิว จุดด่างดำจากสิว ริ้วรอย หน้าหมองคล้ำ
ดีแค่ไหน…แต่ถ้าไม่ถึงมือลูกค้า ก็เปล่าประโยชน์
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา… “สินค้าดีแค่ไหน…แต่ไม่มีคนรู้จัก มันยากที่จะขายได้” เปรียบไป ก็เหมือน ไปเปิดร้านขายของในท้ายซอย ไม่คนเดินผ่านเลย แล้วใครจะมาซื้อของเรา
คุณกุ้ง…จึงใช้วิธี แจกให้ทดลองใช้ฟรี เริ่มจากคนใกล้ตัวก่อน ญาติๆ คนรู้จัก พอใช้ดี-เค้าก็ซื้อใช้อีก พอผิวดี-คนรอบข้าง เขาก็สนใจ ทำให้ได้ลูกค้า-จากลูกค้าอีก ออร์เดอร์จึงเริ่มเข้ามาเลยๆ
อีกอย่างในการขาย คือ ซื้อก่อน-ผ่อนที่หลัง ลูกค้าซื้อไปใช้ แล้วค่อยจ่ายทีหลังก็ได้ ทำให้เค้ากล้าทดลองใช้มากขึ้น จนเพิ่มลูกค้าได้มากขึ้นอีกทาง
ตอนนี้…เริ่มมี ตัวแทนกว่า 20 คน มีกิจกรรม,โปรโมชั่นเลยๆ แนวโน้มจึงดีขึ้นเลยๆ
ทำงานข้าราชการ , ทำธุรกิจส่วนตัว , แถมสร้างหอพัก อีกด้วย
ปัจจุบันคุณกุ้ง ทำงานอยู่ที่ศาลปกครอง ตำแหน่งเจ้าพนักงานธุรการชำนาญงาน(งานประจำ) ที่ทำมา 10 ปี แล้ว ตั้งแต่เรียนจบ ควบคู่กับธุรกิจเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ INA
และยัง แบ่งเงินบ้างส่วนไปสร้างหอพัก ในที่ดินมรดก ที่ได้รับมาจากพ่อแม่ ใช้เงินลงทุน 2,300,000 บาท เป็นเงินกู้จากแบงค์ 1,400,000 บาท ที่เหลือเป็นเงินส่วนตัว ต้องส่งแบงค์ 8 ปี
หอพักมี 10 ห้อง ให้เช่าห้องละ 2,500 บาท/เดือน และมีค่าบริการอีก 200 รวม 2,700 บาท , มีรายได้เพิ่มจากเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ เดือนหนึ่งได้ประมาณ 4-7 พัน ตอนนี้เต็มตลอดเลยคะ ถ้าผ่อนหมดก็จะขึ้นใหม่อีกหลังค่ะ
Advertisements
โอ้…บร๊ะเจ้า จะทำอะไรเยอะขนาดนั้น “คุณแม่ ของคุณกุ้ง” เคยถามว่า.. นี่เธอจะทำอะไรเยอะแยะ.. “ก็หนูยังไม่รู้…ก็ต้องลองทำไปเลยๆ” “ถึงจะพลาด…แต่ก็ได้เรียนรู้”
ความผิดพลาดไม่ใช่เครื่องพิสูจน์ว่า…เรา “ล้มเหลว” ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ ขอแค่อย่าท้อ และ ยอมแพ้อะไรง่ายๆ อดีตที่ผ่านมาล้วนเป็นประสบการณ์ให้เราเก็บเกี่ยว จงเก็บเกี่ยวให้ได้มากที่สุด และนำไปปรับใช้ในวันข้างหน้า แล้วชีวิตจะไม่มีคำว่า “ทางตัน” (กุ้ง – ทิตติยาภรณ์ ขุนมธุรส)
…………………………………………………….
เขียนโดย อาซาดะ ริวอิจิ
ลิขสิทธิ์โดย ทำเลขายของ.com
(ข้อมูลลิขสิทธ์จากสัมภาษณ์ คุณทิตติยาภรณ์ ขุนมธุรส (กุ้ง)
เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2559
โดยทีมงาน www.ทำเลขายของ.com )
ไม่อนุญาต “คัดลอก” รวมถึงในกรณี ที่จะใส่ลิ้งค์กลับ ก็ไม่อนุญาต เช่นกันนะครับ
อนุญาตให้ “แชร์” ได้ครับ
ขอบคุณครับ
สามารถติดตาม “Ina soap&skin ” ได้ที่
ข้อมูลธุริจ
ชื่อธุรกิจ : Ina soap&skin
ชื่อเจ้าของธุรกิจ : คุณทิตติยาภรณ์ ขุนมธุรส (อ้อม)
ที่อยู่ : –
tel : 062-363-6156
IG : INA_SKIN
ID Line : @byina
FB: Ina soap&skin
(https://www.facebook.com/Tiya555/)
Leave a comment