บางหว้าเมล่อน ฟาร์มกลางกรุง 15 วัน เก็บ 320 ลูก
Advertisements
บางหว้าเมล่อน ฟาร์มกลางกรุง 15 วัน เก็บ 320 ลูก สุขภาพดี-สร้างรายได้
“เงินทองเป็นของมายา…ข้าวปลาซิของจริง”
ใครว่าทำเกษตร…ทำแล้ว “อยู่ไม่ได้”
“เป็นเกษตรกร… ไม่มีวันรวย”
วันนี้ทางทีมงานเว็บไซต์ ทำเลขายของ.com จะพาไปดูอีกธุรกิจน่าสนใจ ธุรกิจเชิงเกษตรกรรม ที่มีแนวความคิดที่น่าสนใจ สร้างพื้นที่เล็กๆ ให้เป็นเงิน-เป็นรายได้ แบบมีความสุขทั้งกาย-ใจ กับ ธุรกิจปลูกเมล่อนในใจกลางเมืองกรุง ย่านบางแค
ใช่แล้ว…ครับ ไม่ผิด ปลูกเมล่อนที่บ้านย่านบางแค จริงๆ แถมปีได้ถึง 4 ครั้ง/ปี เก็บผลได้ทุกๆ 15 วัน ในการเก็บแต่ละครั้ง เก็บผลผลิตได้ 320-400 ผล เลยทีเดียว น่าสนใจแล้วใช่ไหมครับ อย่ารอช้า…ไปหาคำตอบ “ความสุขชีวิต ความสุขธุรกิจ แบบเกษตรยุคใหม่ ในเมืองกรุงกันเลยครับ”
จุดเริ่มต้น..
จากนายช่างวิศกรโยธากว่า 20 ปี “คุณศราวุธ จันทะพรหม” หรือ “พี่โหน่ง” ได้หันเหชีวิต…เริ่มต้น ก้าวมาทำธุรกิจส่วนตัวเมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว ด้วยอาชีพแรก คือ “ร้านอาหาร” ในช่วงเวลานั้น การทำร้านอาหารเป็นสิ่งต้องควบคุมทุกอย่างให้ดี ทั้งด้านการปรุง , วัตถุดิบ , คนงาน ซึ่งก็หนักหน่วงเอาการ
พี่โหน่ง ปรับแก้ไข…ไปเลยๆ มีอยู่ครั้งหนึ่งเริ่มคิด ปลูกผักสวนครัว เพื่อเอามาเป็นวัตถุดิบในร้าน ให้ลดต้นทุนของร้าน ซึ่งการปลูกได้ผมดีมาก สามารถนำผักมาใช้ได้เป็นอย่างดี
แต่สิ่งที่เป็นผลพลอยได้…ของการปลูกผัก คือ “พี่โหน่งเกิดชอบการทำเกษตรขึ้นมา มีความสุข และมองเห็นถึงรายได้ที่จะเกิดขึ้น หากคิดจะเกษตร น่าจะมีความสุข และมีรายได้เลี้ยงครวบครัวได้อย่างสบายๆ”
พี่โหน่ง…เลยตัดสินใจ ปล่อยร้านอาหารให้เขาเช่าไป กลับมาเริ่มต้นกับอาชีพเกษตรกร…
ใช้พื้นที่น้อย มูลค่าตอบแทนสูง
พี่โหน่ง…เล่าว่า ในตอนที่คิดจะทำเกษตร ก็เริ่มค้นหาข้อมูล โดยต้องมีคอนเซ็ปที่ว่า “ใช้พื้นที่น้อย..ให้มูลค่าผลตอบแทนสูง” ใช้เวลาอยู่สักพัก ก็ได้พืชที่ต้องการปลูกก็คือ “เม่ลอน ญี่ปุ่น”
จากการค้นคว้าหาข้อมูลด้วยต้องเอง สรุปได้ว่า “เม่ลอน ญี่ปุ่น” สามารถปลูกในสภาพอากาศของประเทศไทยได้ ใช้พื้นที่ไม่มาก มีราคาขายที่ดี ในย่านบางแคไม่มีคนปลูกเลย ถ้าปลูกได้-ย่อมมีลูกค้ารอบพื้นที่เป็นจำนวนมาก แถมไม่มีคู่แข่งโดยตรง
1 โรงเรือน ลงทุน 80,000 บาท
ในการปลูกครั้งแรกนั้น พี่โหน่งสร้างโรงเรือนด้วยตนเอง ด้วยความเป็นวิศกรสายก่อสร้าง จึงเป็นเรื่องไม่ยากเลย จากฐานราก ขึ้นโครงเหล็ก โครงหลังคา ด้วยเหล็กแป๊ปกลม มุ่งด้วยผ้าไนลอน เดินระบบท่อน้ำ จัดซื้อวัสดุปลูก เมล็ดพันธุ์ กระบะเพาะ อื่นๆ ใช้เงินลงทุนประมาณ 80,000 บาท
ขั้นตอนการปลูก
1.) เพาะเมล็ด
ในการเพาะเมล็ด จะนำเมล็ดมาเพาะในกระบะเพาะ ใช้เมล็ดพันธุ์จากสายพันธุ์เมล่อนทั้งหมด เช่น พันธุ์อิชิบะ พันธุ์ทาคามิ 2 สายพันธุ์นี้ มีเนื้อสีเขียว , พันธุ์ฮารุกิ พันธุ์ออเร้นจ์ มีเนื้อเป็นสีส้ม
2.) ผสมเกสร
หลังจากนำต้นกล้าลงดิน พอต้นเริ่มขึ้นได้พอสมควร เริ่มพอเชือกเพื่อพยุงลำต้นไว้ ปลูกได้ประมาณ 20 วัน ต้นเมล่อนก็จะเริ่มออกดอก ก็เริ่มผสมเกสรได้เลย
ใน 1 ต้น ผสมซัก 4-5 ดอก โดยการนำดอกเมล่อน 1 ดอก เด็ดกลีบออกเหลือแต่เกสรตัวผู้ แล้วนำไปป้ายกับดอกเมล่อนที่อยู่ลำต้น โดย 1 ต้นทำไว้ประมาณ 4-5 ดอก (เพื่อพอเวลาติดลูก จะได้คัดผลที่สมบูรณ์ไว้ 1 ลูก ต่อ 1 ต้น เท่านั้น) เพราะทั้งนี้ จะทำให้ผลเมล่อนมีขนาดสมบูรณ์ รสชาติดี
สิ่งสำคัญ…ในการ “ผสมเกสร” ต้องทำในช่วงเวลาตอนเช้าเท่านั้น เพราะดอกจะไม่ชื้น-ไม่เปี้ยก พี่โหน่ง…เล่าว่า ใน 1 โรงเรือนของ “ฟาร์มบางหว้าเมล่อน” ใช้เวลา 7 วัน ถึงจะผสมเกสรได้หมดทุกต้น
3.) แขวนลูก
หลังจากที่ได้ลูกเมล่อนแล้ว ซักระยะ ก็เริ่มทำการผูกเชือกอีกเส้นกับหัวขั้วของผลเมล่อน เพื่อพยุงผลไว้นั้นเอง เพราะกว่าที่จะเก็บเกี่ยวได้ ผลเมล่อนจะมีน้ำหนักประมาณ 1.5-2.0 กิโลกรัม เลยทีเดียว
จากระยะนี้…ก็เข้าสู่ช่วงที่เมล่อนจะขยายขนาด และ ช่วงสร้างลาย จนผลเริ่มโตเต็มทีพร้อมเก็บเกี่ยวได้ รวมเวลาทั้งหมดประมาณ 80 วัน
8 โรงเรือน เก็บทุก 15 วัน ครั้งละ 320 ลูก
ปัจจุบัน “ฟาร์มบางหว้าเมล่อน” มีโรงเรือนอยู่ทั้ง 8 โรงเรือน ตั้งอยู่ที่บางแค และ ตรงถนนราชพฤกษ์(ใกล้สถานี bts บางหว้า) ซึ่งพี่โหน่งใช้วิธีการปลูกเหลื่อมเวลากัน โดยจะเพาะปลูกแต่ละโรงเรือนห่างกัน 15 วัน ทั้งนี้เพื่อให้มีผลผลิตเก็บได้ตลอดทุกๆ 15 วัน
ใน 1 โรงเรือนสามารถปลูกเมล่อนได้ 5 แถว แถวละประมาณ 80 ต้น , 1 ต้น ให้ผลเมล่อน 1 ลูก , การเก็บครั้งหนึ่งจึงเก็บเมล่อนได้ 320-400 ลูก เลยทีเดียว
ช่องทางการขาย
ในการขาย…พี่โหน่งใช้แนวคิดว่า “ขายเอง…ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง” โดยขายผ่านทางเฟสบุ๊ค และลูกค้าที่ Walk-in เข้ามาที่ฟาร์มเอง
ช่วงเวลา 2 ปี ที่ผ่านมา… ถือว่าได้รับผลตอบรับที่ดีมากๆ ทั้งลูกค้าทางออนไลน์ เมื่อเห็นแล้วก็อยากมาดูเอง อยากมาเก็บเองบ้าง ซึ่งก็สอดรับกับกิจกรรมที่ทางฟาร์ม ได้เปิดให้ลูกค้าเก็บผลเมล่อนด้วยตนเอง จัดโปรโมชั่นซื้อ 10 แถม 1 ลูกค้าที่เข้ามาซื้อที่ฟาร์มก็ค่อนข้าง happy กันมากๆ ทั้งสนุก-ทั้งอร่อย แถมได้มาถ่ายรูปลงโซเชียล ไม่ต้องไปไกลถึงต่างจังหวัด ก็มีเมล่อนให้ทานได้ตลอดๆ
แปรรูป-เสริมรายรับ
นอกจากนี้..ที่ “ฟาร์มบางหว้าเมล่อน” ยังได้มีการแปรรูปเมล่อน เป็นน้ำปั่นเมล่อน ที่ปั่นกันสดๆ ให้ลูกค้าที่มาเที่ยวที่ฟาร์มได้ชิมกันสดๆ กันเลยทีเดียว ส่วนใครอยากซื้อกลับบ้าน ก็มี “น้ำเมล่อนสกัดเย็นบรรจุขวด” ให้ซื้อกลับไปทานได้ด้วย
พี่โหน่งเล่าว่า…ที่ “ฟาร์มบางหว้าเมล่อน” ตอนนี้มีสายพันธุ์เมล่อนกว่า 10 สายพันธุ์ สายพันธุ์ที่ขึ้นชื่อและมีราคาแพงที่สุด คือ “พันธุ์ฮอกไกโก” เมื่อให้ผลจะมีราคาลูกละ 400-500 บาท , ส่วนพันธุ์อื่นๆ มีราคาขายกิโลละ 150 บาท
สร้างเป็นศูนย์เรียนรู้ สำหรับหน่วยงาน
และ ผู้สนใจที่อยากมาเรียนปลูกเมล่อนอีกด้วย
Advertisements
ทุกธุรกิจ ทุกอาชีพ มีความสำเร็จเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น หากแต่อยู่ที่ความรัก ความพยายาม การศึกษาหาความรู้ การทำธุรกิจใดก็ตาม ทุกๆส่วนนั้นสำคัญ “จะผลิตอย่างไร จะเสนอขายอย่างไร จะขายช่องทางแบบไหน” ล้วนแล้วแต่ต้องเรียนรู้
หาสิ่งชอบ… หาสิ่งที่อยู่กับเขาได้นานๆ แล้วไม่เบื่อ
แล้วค่อยๆ… ลงมือทำไป…
ใช้เครื่องมือของโซเชียล…ให้เกิดประโยชน์
ดูต้นแบบ…ของคนที่ทำแล้วสำเร็จ
แล้วความสำเร็จ…ก็จะมาหาคุณเอง
อย่างเช่น “ศราวุธ จันทะพรหม” เมล่อนบางหว้า 1 เดียวในกลางกรุง
…………………………………………………..
เขียนโดย เชื่องช้าแต่หนักแน่น
ลิขสิทธิ์โดย ทำเลขายของ.com
(ข้อมูลลิขสิทธ์จากสัมภาษณ์ คุณศราวุธ จันทะพรหม
เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2560
โดยทีมงาน www.ทำเลขายของ.com )
ไม่อนุญาต “คัดลอก” รวมถึงในกรณี ที่จะใส่ลิ้งค์กลับ ก็ไม่อนุญาต เช่นกันนะครับ
อนุญาตให้ “แชร์” ได้ครับ
ขอบคุณครับ
สามารถติดตาม “บางหว้าเมล่อน” ได้ที่
ข้อมูลธุริจ
ชื่อธุรกิจ : “บางหว้าเมล่อน”
ชื่อเจ้าของธุรกิจ : คุณศราวุธ จันทะพรหม
FB : Bang Wa Melon • บางหว้าเมล่อน
โทร: 081-209-3226
เปิดตั้งแต่ 11.00-18.00 น.
Leave a comment