ขายของในตลาดนัดกับข้าวตอนเช้ายังไง…ไม่ให้ขาดทุน (รู้เอาตัวรอดเป็นยอดคน)
ขายของในตลาดนัดกับข้าวตอนเช้ายังไง…ไม่ให้ขาดทุน (รู้เอาตัวรอดเป็นยอดคน)
ต่อ…จากความเดิมตอนที่แล้ว พอครั้นเมื่อเราเข้ามาขายของในตลาดนัดกับข้าวตอนเช้า ที่เราอยากขายได้แล้วนั้น ขั้นตอยต่อมา…ก็คือ ขายยังไง…ให้เอาตัวรอดได้ ไม่ให้ขาดทุน ซึ่งการเป็นร้านค้าใหม่ น้องใหม่ในตลาด ต้องเริ่มนับ 1 จากทุกปัจจัย เพื่อให้เกิดการซื้อขาย ต้องทำให้ลูกค้ารู้จักร้านเรา สินค้าเรา ล้วนแล้วต้องใช้วิธีการต่างๆ เพื่อเป้าหมาย…สูงสุง คือ มีกำไร ไม่ให้ขาดทุน จึงหลายๆสิ่งที่ต้องศึกษา เราไปเริ่มกันเลยครับ
Advertisements
ผูกสัมพันธ์… “จงสร้างมิตร…ดีการสร้างศัตรู” ในการเข้าไปขายของในตลาดนัดนั้น เราจะร้านค้าเพื่อนข้างเคียง มากหน้าหลายตา บางทีอาจมีการหมุนร้านค้าใหม่ๆ เข้ามาอยู่ทุกสัปดาห์ เราจึงต้องผูกมิตรกับร้านค้าใกล้ๆ สร้างความรู้สึกให้เป็นมิตรเป็นเพื่อน เมื่อมีอะไร ร้านค้ามิตรเหล่านี้จะช่วยเราได้มาก
หากแต่…เจอแบบสุดวิสัย ร้านแบบนิสัยไม่ดี เราก็จดจำไว้ แล้วเมื่อโอกาสเปลี่ยนทำเลล็อคได้ ก็เปลี่ยนไปในทำเลล็อคใหม่ๆ ในเรื่องคนนี้…พูดยาก “เจอคนดี ก็ดีใจหาย” “เจอคนไม่ดี ก็ลำบากใจ” แต่ในยุคสมัยนี้ ดีกว่าแต่ก่อนมาก คนตลาดนัดในยุคให้ความช่วยเหลือกันมากขึ้น ค่อยพูดค่อยผูกมิตรไป เดี๋ยวก็จะปรับตัวได้เอง
Advertisements
เมื่อเราสร้างมิตรกับร้านค้าต่างๆได้ ขั้นต่อมาก็ต้อง สร้างมิตรกับลูกค้า “ร้านน้องใหม่อย่างเรา” ต้องใช้เวลาในการทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ บางคนขายของครั้งแรก…ได้แต่นั่งอย่างเดียว ทั้งวันเทียบไม่ได้ขายเลย ขายไม่ถึงอาทิตย์ก็ถอดใจ…เลิกขายไปอย่างง่ายดาย
ดังนั้น…ควรเริ่มต้นจากผู้ขาย ต้องมีภาพลักษณ์ที่น่าเข้าหาด้วย “เสื้อผ้า ชุดเอี๊ยม รองเท้า ใบหน้ายิ้มแย้ม การพูดจา” ถ้าเราเดินตลาดนัดบ่อยๆ คงเคยเห็นร้านค้าสมัยนี้ มีเทคนิคการเรียกรู้ค้ามากมาย หลายๆร้าน ร้องเรียกรู้ค้าตลอดด้วยน้ำเสียงชวนให้ซื้อ บางก็มีให้ทดลองชิมสินค้าก่อน ไม่ซื้อไม่ว่า…แต่อยากให้ชิม ซึ่งร้านเหล่านี้ขายได้มากกว่าร้านที่นิ่งๆ ไม่มีสื่อสารกับลูกค้า ฉะนั้นควรหาวิธีเริ่มต้นพูดคุยกับลูกค้าให้ได้ก่อน เมื่อได้คุยแล้ว ขั้นตอนการขายก็จะไปตามเส้นทางของมันเอง
“จัดหนัก…เน้นจำนวนมากเข้าสู้” เมื่อเราเป็นน้องใหม่…แน่นอน ย่อมมีลูกค้าน้อย ฉะนั้น…จงโปรโมชั่นเข้าสู้ ดึงเงินจากกระเป๋าลูกค้าให้จงได้ เช่น ร้านขายโดนัทชิ้นละ 10 บาท ซึ่งราคาขายก็ค่อนข้างถูกอยู่แล้วยังมีการยังโป 10 แถม 1 , หรือบางร้านมีโปรสำหรับวันเปิดร้าน เพื่อทำให้ลูกค้ารู้จักในเวลาอันสั้น ด้วยโปร ซื้อ 1 แถม 1 ถึงเมื่อคิดแล้วอาจขายทุนตัวเงิน แต่เอาตามจริง มันคุ้มกว่าไปลงเม็ดเงินในสื่ออื่นก็ได้ เพราะเราได้สัมผัสถึงลูกค้าโดยตรงทันที เงินที่ลงไปอาจน้อยการที่จะทำประชาสัมพันธ์รูปแบบอื่นอย่างมาก
พอเริ่มประคองตัวได้…เริ่มมีลูกค้า เข้ามาซื้อของร้านเราบางแล้ว ก็จงอย่างนิ่งนอนใจ การขายของมีวันสิ้นสุด การปรับตัวอยู่ตัวเวลา ทุกคนต้องได้เจอ ดังนั้น…ขายไปได้ซักระยะ ต้องมีการปรับเปลี่ยนตัวสินค้าบ้าง เพิ่มสีสัน เพิ่มความหลากหลาย หาลูกเล่นใหม่ๆ ให้ลูกค้าไม่จำเจ มีตัวขายหลัก มีตัวเล่นเสริม เพื่อเลี้ยงยอดขายให้เพิ่มขึ้น หรือไม่ลดน้อยไปกว่าเดิม “ถ้าคุณหยุดเดินหน้าเมื่อไหร่ เมื่อนั้นคุณกำลังถอยหลัง”
หูตารอบตัว…ขายของในตลาดเราต้องหมั้นดูว่าสิ่งรอบทั้งในตลาดนัดเอง และข่าวสาร เหตุการณ์บ้านเมือง ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพื่อหาทางปรับตัว หาวิธีแก้ไข ตัวอย่างในปัจจุบันอย่างสถานการณ์โควิด19 ทำให้ร้านต่างๆ ต้องปรับตัวโดยไว สร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า อย่างบางตลาดขยับตัวเร็ว หาวัคซีนมาฉีดผู้ค้าในตลาดก่อนตลาดอื่น ร้านค้าเองก็ปรับรูปแบบ รูปหีบห่อ เพิ่มไอเดียการขายใหม่ๆ เพื่อให้รักษายอดขาย ให้เอาตัวรอดยุคนี้ไปให้ได้
ทั้ง… ตัวบุคคล ตัวสินค้า ตัวร้านค้า ที่เราพอรู้แนวทางปฎิบัติไปแล้ว ในบางครั้งอาจต้องมีสิ่งพิเศษบางอย่างเข้ามาเสริม ซึ่งอาจเป็นที่เราอาจมองไม่เห็น หรือบอกไม่ได้ว่า…จะได้ผลมากน้อยแค่ไหน แต่ก็หลายคนที่ทำแล้วได้ผลเป็นอย่างดี เดี๋ยวตอนต่อไปทางผู้เขียนจะได้นำเสนอให้เพื่อนอ่านในโอกาสต่อไปนะครับ…
หมายเหตุ: ขอบคุณรูปจาก “ตลาดร่มเหลือง”
…………………………………………………..
เขียนโดย ทำเลขายของ.com
ลิขสิทธิ์โดย ทำเลขายของ.com
(ข้อมูลลิขสิทธ์ โดยทีมงาน www.ทำเลขายของ.com )
ไม่อนุญาต “คัดลอก” รวมถึงในกรณี ที่จะใส่ลิ้งค์กลับ ก็ไม่อนุญาต เช่นกันนะครับ
อนุญาตให้ “แชร์” ได้ครับ
ขอบคุณครับ
Leave a comment