ไข่ปลา “คาเวียร์” กิโลละล้าน เพาะเลี้ยงได้แล้ว ธุรกิจฟาร์มปลาระบบปิด

ไข่ปลา “คาเวียร์” กิโลละล้าน เพาะเลี้ยงได้แล้ว ธุรกิจฟาร์มปลาระบบปิด

     ขายของแพง น่าได้กำไรเยอะ…  แต่ของแพงๆ  ขั้นตอนการผลิตย่อมไม่ธรรมดา  ดังเช่น ไข่ปลา “คาเวียร์” ที่แพงที่สุดเขาขายกัน กิโลละ 3 ล้านบาท เป็นสุดยอดไข่ปลาคาเวียร์ที่หายากมากๆ   การเพาะเองให้ได้  จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายมากๆ..  ซึ่งก็ไม่เกินความสามารถของมนุษย์ไปได้  ทำสำเร็จแล้วในหลายประเทศ ไปตามหาความล้ำค่า จากธรรมชาติ..  ที่จะผลิตด้วยมือมนุษย์กันเลย…

บ่อเลี้ยงภายในโรงเรือน

ไข่ปลา “คาเวียร์” คืออะไร..
    “คาเวียร์”  แท้จริงแล้วก็คือ ไข่ของ ปลาสเตอร์เจียน( Sturgeon) พบเจอทะเลสาบแคสเปียน ลักษณะคล้ายปลาฉลาม ปลาสายพันธุ์โบราณ ที่เชื่อว่ามันดำรงอยู่มานานแล้ว อายุยืนยาว จากสถิติที่เคยพบในรัชเซียอายุราว 200 ปี  , หนักถึง 1.5 ตัน ยาว 5 เมตร , ตัวเมียจะให้ไข่ ปีละครั้ง  และเว้นช่วงไปอีก 2 ปี  ถึงจะให้ไข่อีกครั้ง , แม่ปลา 1 ตัว ให้ไข่ประมาณ 15 % ของน้ำหนักตัว , ต้องมีอายุ 6 – 8 ปี ถึงจะเริ่มให้ไข่

    ปัจจุบันราคาขายอยู่ที่กิโลละ 120,000- 150,000 บาท (เกรดปกติ) หากเป็น “คาเวียร์สีทอง” ซึ่งหายาก กิโลจะพุ่งไปถึง 1 แสนเหรียญ หรือ 3 ล้านบาท/กิโลกรัม เลยทีเดียว

Advertisements

ทำไม ไข่ปลา “คาเวียร์” ราคาแพงจัง
     ที่ “คาเวียร์”  มีราคาแพงมาก เพราะหายากมาก เป็นที่ต้องการของตลาด  ด้วยรสชาติอร่อยเลิศ  และยังมีข้อกำหนดในการจับ “ปลาสเตอร์เจียน” ด้วย  ทางการจะกำหนดช่วงเวลาในการจับ  เพราะเป็นปลาที่ใกล้สูญพันธุ์แล้ว  นับวันจำนวนปลาที่จะให้จับก็ลดลงทุกปี  จึงเป็นสาเหตุให้ประมาณไข่ปลามีจำนวนลดลงไปด้วย  เมื่อความต้องการมาก  ราคายิ่งแพงเป็นเงาตามตัว

ไข่ปลา คาเวียร์

เริ่มมีการเพาะเลี้ยง…
    Atlantic Caviar & Sturgeon company บริษัทที่ก่อตั้งโดย Joe Doll  เป็นบริษัทที่ทำฟาร์มปลาสเคอร์เจียน แบบระบบปิด  ภายในโรงงาน เดิมที่ครอบครับของคุณโจดอล ทำกิจการเกี่ยวกับเครื่องปั๊มออกซิเจน ทำให้เข้าใจเชิงวิศกรรมกลศาสตร์อากาศ จากเดิมที่อยู่ในรัสเซีย เกิดไอเดียในการเพาะเลี้ยงปลาสเตอร์เจียนในระบบปิด จึงเริ่มต้นเพาะเลี้ยงปลาในชุดแรก ใน ปี ค.ศ 2005 และ เริ่มได้ผลผลิตในปี ค.ศ. 2012 นั่งเอง

การเลี้ยงระบบปิด คือ อย่างไร
    เป็นการเลี้ยงโดยมีการจัดการ ทุกระบบอย่างลงตัว  ต้องการจัดเรื่องอากาศ , ออกซิเจนในน้ำ , เครื่องเติมโอโซน , เครื่องกรองของเสียออกจากระบบ  , ต้องควบคุมน้ำให้สะอาด และมีอุณหภูมิอยู่  ที่ 20 – 22 องศาเซลเซียล 

ระบบกรอง hydrotech

เทคโนโลยีในการเลี้ยงปลาสเตอร์เจียน(ระบบปิด) มีอุปกรณ์ดังต่อไปนี้
    – บ่อเลี้ยง มีทั้งแบบบ่อพลาสติก และ บ่ออลูมิเนียม (แล้วแต่โนฮาว)
    – ถังพักน้ำ
    – เครื่องกรองแรงอัด
    – เครื่องกรองระดับไบโอ
    – เครื่องผลิตโอโซน
    – เครื่องผลิตออกซิเจน
    – การวางระบบท่อน้ำ
    – ระบบปั๊ม
    – ระไฟฟ้า
    – ระบบควบคุมอณหภูมิ
    – เครื่องตัวสอบเพศด้วยคลื่นความถี่

การควบคุมของระบบปิด จุดประสงค์หลัก คือ
    – เอาสิ่งปฏิกูล และ ของเสียขนาดเล็ก ออกจากระบบ
    – กำจัดไนโตเจนที่เกิดจากแอมโมเนีย ด้วยการกรองแบบไบโอ
    – กำจัดคาร์บอนไดออกไซต์
    – กำจัดแบคทีเรียด้วยการเติมโอโซน
      เหล่านี้เพื่อทำให้น้ำสามารถหมุนเวียนใช้ได้ตลอดเวลา เป็นน้ำที่เหมาะกับปลาสเตอร์เจียนนั่นเอง

บรรจุกระป๋อง

ในประเทศไทย เริ่มมีการเพาะเลี้ยงได้ หรือยัง..
    ในไทยเริ่มมีการนำไข่ปลาสเตอร์เจียนจากรัสเซียมาเพาะเลี้ยงที่ดอยอินทนนท์  ซึ่งเป็นของโครงการหลวง เป็นการเลี้ยงแบบธรรมชาติ  เพราะมีอากาศที่เหมาะสม คาดว่าจะมีไข่ปลา “คาเวียร์” มาให้ชิมอีกไม่กี่ปี
    ส่วนเอกชนรายอื่นๆ ก็มีข่าวแววๆ มาว่า เริ่มมีคนทำแบบโรงเรือนปิดกันบ้างแล้ว  แต่ยังไม่เปิดเผย..(ปิดเป็นความลับ) เนื่องจากต้องรอผลผลิตอีก 4 – 5 ปี กว่าจะได้ไข่ปลาคาเวียร์  แต่ในไทยต้องมีให้ชิมอย่างแน่นอน…
    ส่วนในประเทศเพื่อนบ้านข้างเคียงเรา  มีประเทศเวียดนามที่เพาะได้แล้ว เป็นของ บริษัท “คาเวียร์ เด ดัก”  โดยคุณ เล อันห์ ดัก  หนุ่มชายเวียดนาม ที่นำไข่ปลาสเตอร์เจียนมาจากรัสเซีย  แล้วเพาะเลี้ยงแบบกระชังปลา  ในเขื่อนแห่งหนึ่งในประเทศเวียดนาม ซึ่งมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติที่ปลาอยู่ถึง 10 องศา  แต่ด้วยความเชื่อว่า  “เขาทำได้”  ในที่สุดปลา Lot แรก ก็ออกมา และ เริ่มขาย ไข่ปลาคาเดวียร์ไปแล้วด้วย

    ปัจจุบันที่ฟาร์มของคุณ เล อันห์ ดัก มีปลาสเตอร์เจียน กว่า 500,000 ตัว  , ใน 6 แหล่งเพาะเลี้ยง และที่เด็ดไปกว่านั้น มีปลาสเตอร์เจียนเผือก(สีขาว) อยู่ในครอบครอง 44 ตัว  ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่หายาก  จะให้ไข่ปลาคาเวียร์ชั้นเลิศ  “ไข่ปลาคาเวียร์สีทอง”  ที่มีราคาสูงถึง  100,000 เหรียญ  หรือ ราว  3.3 ล้านบาท/กิโลกรัม

เครื่องตัวหาเพศ

อนาคต ไข่ปลา “คาเวียร์” ไข่ปลาสเตอร์เจียน
    จากความต้องการของตลาดที่มาก  และราคาขายที่สูงลิบลิ่ว  น่าจะส่งผลให้มี คนหันมาเพาะเลี้ยงกันมากขึ้น  ซึ่งอาจต้องใช้เวลาซักพักใหญ่เลยทีเดียว  ทั้งนี้คงต้องดูผู้เล่นรายใหญ่  ที่มีเงินมาก  หากเขาลงมาเล่นในเกมนี้  กันหลายๆ ประเทศแนวโน้มราคาขายอาจลดลง  แต่คงยาก..  และต้องรออีกนาน…

Advertisements

ผู้สนใจเลี้ยงบ้าง…
    ในไทยยังไม่ “Know how” แต่ในต่างประเทศเริ่มมีหลายประเทศแล้ว  หากใครสนใจคงต้องติดต่อไปตามเว็บไซต์ต่างๆ เพราะมีอยู่หลายประเทศ  หรือ อาจไปลองเลี้ยงแบบปลาสวยงามดูก่อนก็ได้ เห็นขายในตลาดนัดจตุจักรบ้างแล้ว แต่อาจเป็นคนละสายพันธุ์  

     สำหรับ ไข่ปลา “คาเวียร์” ไข่ปลาสเตอร์เจียน  เป็นสินค้าที่มีราคาแพง  การทำต้องคิดให้รอบด้าน ทั้ง ตลาดรองรับ , เงินทุน , ความรู้ , การแปรรูปเพิ่มมูลค่า  ซึ่งล้วนแล้วแต่ไม่ง่าย…  แต่ยิ่งยาก… แปลว่า คู่แข่ง ก็ย่อมน้อยตามไปด้วย  หากทำได้ผลตอบแทนย่อมคุ้มค่า…

เขียนโดย เชื่องช้าแต่หนักแน่น
ลิขสิทธิ์โดย ทำเลขายของ.com

ขอบคุณภาพจาก Atlantic Caviar & Sturgeon company