“เซ็นทรัล วิลเลจ” luxury Outlet แห่งใหม่ เปิดวันแรกคนแห่เข้าชมตรึม…

“เซ็นทรัล วิลเลจ” luxury Outlet แห่งใหม่ เปิดวันแรกคนแห่เข้าชมตรึม…

      ตลอดช่วงเดือนที่ผ่านมา…เป็นเรื่องที่พูดถึงกันมาก กับ โครงการ Central Village luxury Outlet ลักชูรี่ เอาท์เล็ต แห่งใหม่ในเครือ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ที่ตั้งอยู่ในทำเลพื้นที่กรุงเทพตะวันออก โดยมีหมายกำหนดการเปิดให้บริการในวันที่ 31 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา แม้จะมีอุปสรรคบ้าง…แต่ในที่สุดก็เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ

     โดย..เปิดวันแรก ก็มีคนเข้ามาใช้บริการกันเป็นจำนวนมาก คาดการณ์ว่า…น่าจะมีมาเป็นหลัก 10,000 – 20,000 คนเลยทีเดียว  เป็นอีกโครงการที่น่าสนใจ สำหรับนักท่องเที่ยว และ ผู้สนใจลงทุน  วันนี้เราจะไปทำความรู้จักกับ “เซ็นทรัล วิลเลจ” ว่ามีจุดเด่น มีไอไลท์ อะไรบ้าง ถึงได้เป็นสนใจ…ไปเริ่มกันเลย

บรรยากาศเปิดวันแรก 31 ส.ค. 62

 

Luxury Outlet แบรนด์เนม 130 ร้าน ในราคาที่ลด 35-70%

    “ลักชัวรี เอาต์เลต” ที่มีเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ ใช้งบลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท ประกอบด้วนพื้นที่การค้า 40,000 ตารางเมตร รวบรวมร้านแบรนด์ดังไว้กว่า 130  ร้านค้า อาธิเช่น addias , calvin Klein , coaah , conver, crocs , Ducati , esprit , fiftlop , G2000 , GUESS , J.lindeberg , LACOSTE , LE COQ SPORTIF , LEVIS , FUJI , MK , BONCHON , FOOD VILLage เป็นต้น

 

    ในคอนเซ็ปต์ “Bangkok Luxury Outlet” สวรรค์แห่งการช้อปปิ้งแบรนด์เนม คุ้มค่า ในราคาลดพิเศษ 35-70% ได้ทุกวัน จากทุกแบรนด์ดังในทีเดียวจบ แห่งแรกในไทย  ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์ไอที เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องใช้ในครัว ของเล่น อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ร่วมด้วยร้านอาหารชื่อดังและโรงแรมชั้นนำ อีกด้วย

 

สถาปัตย์ สไตล์ไทยโมเดิร์น

     ภายใต้การออกแบบ โซนพื้นที่ต่างๆ โดยดึงเอาวัฒนธรรมไทย รูปแบบที่อยู่อาศัยของคนไทย ผสมผสานกับเทคโนโลยีปัจจุบัน ให้ออกมาเป็น รูปแบบอาคารร้านไทยโมเดิร์น สถาปัตยกรรมทรงไทยประยุกต์ หลังคาหน้าจั่ว กับเส้นสายสีเอิร์ธโทน ให้ความรู้สึกอบอุ่น เบาสบายอย่างลงตัว และมียังมีพื้นที่ open air โซนพักผ่อนต่างๆ ให้ได้นั่งผักผ่อนชิวๆ

 

ไฮไลท์ จุดเช็คอิน

    มุมถ่ายรูป…สวยๆ ของ “เซ็นทรัล วิลเลจ” ที่ไม่ควรพลาด…ต้องไปถ่ายรูปเช็คอิน

 

“ Siamese Fighting Fish ” โซน Royal Village

       “ปลากัด” สัตว์นำประจำชาติไทย ด้วยท่วงท่าที่งามสง่า ทรงพลัง ฝางไปด้วยอ่อนช้อย สีสันสวยงามสะดุดตา ได้ชื่อว่า…เป็นยอดนักสู้ตัวฉกาจ เอกลักษณ์หนึ่งเดียงในการต่อสู้ สะท้อนถึงวิถีนักรบไทย หนึ่งในจิตวิญญาน “นักสู้” ผู้รักชาติและผืนแผ่นดินไทย

 

“My Hometown” โซน Metal Village

    “บ้านเรือนไทย” หนึ่งในความภาคภูมิใจของภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ จุดประกายแนวคิดเชิงผสมผสาน จับเอาอดีตกาลผสมผสานกับความร่วมสมัย ใช้ “บานหน้าต่างบ้านไทย” กับ “ลวดลายเส้นเหล็กดัด” ออกมาเป็นสถาปัตยกรรมของ “บ้านเกิด เมืองนอน” ไฮไลท์ในโซน Metal Village

 

“Good Luck” โซน Weaver Village

     สถาปัตยกรรม “งานจักสานไม้ไผ่” ที่ดึงเอางานศิลปหัตถกรรมอันทรงคุณค่าในอดีต ร้อยเรียงไปกับงานจักงานสานประยุกค์ในรูปตัวอักษรคำว่า “โชคดี”  สื่อถึงการสืบสานวัฒนธรรมจากคนรุ่นหนึ่ง…สู่คนอีกรุ่นหนึ่ง เป็นเครื่องยืนยันในการอนุรักษ์ของรุ่นหลัง ขนบธรรมเนียมประเพณี ที่จะอยู่คู่สังคมไทยตลอดไป

 

“ Siam Playground ” โซน Wooden Village

อีกโซนพักผ่อนของน้องๆ-คุณหนูๆ โซนพื้นที่เครื่องเล่นต่างๆ ที่ใช้ช้างเป็นสัญญาลักษณ์ สัตว์ใหญ่ที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน เป็นทั้งนักรบ , เป็นทั้งผู้บุกเบิก , เป็นทั้งเพื่อน  “สนามเด็กเล่นรูปช้างแสนน่ารัก” จะเป็นจุดสร้างความรักช้างให้กับเด็กๆ พร้อมรับความสนุกให้ทุกคนในครอบครัว

 

“ The Pottery of Wealth ” โซน Clay Village

เครื่องปั้นดินเผา ขนาดใหญ่ กับ คำอำพร “มั่ง มี ศรี สุข” อีกหนึ่งไฮไลท์ ที่นำเอาภาชนะ รูปแบบต่างๆ อย่าง… อ่างน้ำ , โอ่งน้ำ , เครื่องปั้นทรงไห มาจัดเรียงได้อย่างมีนัยยะ กุศโลบายที่สื่อถึงการกักเก็บเงิน-ทอง สิ่งดีงาม ตามนัยยะของรูปแบบภาชนะในการเก็บน้ำ อีกสถาปัตยกรรมที่ต้องห้ามพลาด…สำหรับผู้มาเยือน

บรรยากาศ Food Village

 

Advertisements

RESTROOM DESIGN INSPIRATION

การผสมผสานการออกแบบที่ทันสมัย กับศิลปหัตถกรรมของไทย เพื่อให้ทุกจุดของเซ็นทรัล วิลเลจ สร้างความประทับใจให้กับลูกค้าและนักท่องเที่ยวที่มาเยือน ด้วยแนวคิดการออกแบบ 4 รูปแบบ คือ

การผสมผสานการออกแบบที่ทันสมัย กับศิลปหัตถกรรมของไทย เพื่อให้ทุกจุดของเซ็นทรัล วิลเลจ สร้างความประทับใจให้กับลูกค้าและนักท่องเที่ยวที่มาเยือน ด้วยแนวคิดการออกแบบ 4 รูปแบบ คือ

การร้อย : Thread Concept
เสมือนนำเอาการร้อยของช่างฝีมือมาเรียงร้อยต่อกันเพื่อให้เกิดดีไซน์แปลกใหม่

การย้อม : Dye Concept
แรงบันดาลใจจากเสน่ห์ของการทำผ้ามัดย้อม และเพิ่มความสนุกสนาน เพื่อให้ดูน่าหลงใหล

การถักทอ : Weaver Concept
การใช้เทคนิคสอดแทรกระหว่างวัสดุสองชิ้นเพื่อให้เกิลวดลายบนฝ้า เพดาน และพื้น สะท้อนเสน่ห์และเทคนิคของศิลปะช่างไทย

การปั้น : Mold Concept
การสร้างรูปแบบของผนังให้มีความลึกและตื้นต่างกัน เสมือนงานศิลปะลอยตัวนูนต่ำ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของศิลปะไทย

 

Advertisements

การเดินทาง

เดินทางจากถนนบางนา-ตราด

ขาออก:
– วิ่งถนนบางนา-ตราดบนทางคู่ขนาน โดยตามป้ายบอกทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ
– เลี้ยวซ้ายเพื่อไปยังทางเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ (ถนนหมายเลข 370)
– วิ่งทางคู่ขนาน ตรงไป 3 กม. เพื่อกลับรถใต้สะพาน
– เมื่อกลับรถแล้ว วิ่งทางขนานตรงไปอีก 1 กม. เพื่อเข้าสู่เซ็นทรัล วิลเลจ

ขาเข้า:
– วิ่งถนนบางนา-ตราดบนทางคู่ขนาน โดยตามป้ายบอกทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อขึ้นสะพาน
– ขับตรงไปประมาณ 2 กม. วิ่งออกทางคู่ขนานถนนหมายเลข 370
– ขับตรงไปประมาณ 300 เมตร กลับรถใต้สะพาน
– เมื่อกลับรถแล้ว วิ่งทางขนานตรงไปอีก 1 กม. เพื่อเข้าสู่เซ็นทรัล วิลเลจ

เดินทางจากทางด่วนบูรพาวิถี

ขาเข้าและขาออก:
– ชิดซ้ายเพื่อออกทางออกสนามบินสุวรรณภูมิ
– ขับตรงไปประมาณ 500 เมตร ชิดซ้ายออกทางออกคู่ขนานบนถนนหมายเลข 370
– ขับตรงไปประมาณ 300 เมตร กลับรถใต้สะพาน
– เมื่อกลับรถแล้ว วิ่งทางขนานตรงไปอีก 1 กม. เพื่อเข้าสู่เซ็นทรัล วิลเลจ

เดินทางจากถนนมอเตอร์เวย์ (หมายเลข 7)

ขาเข้าและขาออก:
– ชิดซ้ายตามป้ายบอกทางไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ
– ใช้ทางลาดไปยัง ลานจอดรถรถระยะยาว
– ชิดซ้ายตรงทางแยก และตัดเข้าสู่ถนนสุวรรณภูมิ 2
– ขับตรงไปประมาณ 1 กม. แล้วเลี้ยวขวาไปยังถนนสุวรรณภูมิ 3
– ขับตรงไปประมาณ 9 กม. และข้ามสะพาน ไปยังถนนหมายเลข 370
– เมื่อลงสะพานให้ชิดซ้ายเพื่อออกทางคู่ขนาน เพื่อเข้าสู่เซ็นทรัล วิลเลจ

เดินทางจากถนนลาดกระบัง

ขาเข้าและขาออก:
– ขับบนนถนนลาดกระบัง
– เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนสุวรรณภูมิ 4 (สำหรับขาออก) หรือเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนสุวรรณภูมิ 4 (สำหรับขาเข้า)
– ขับตรงไปประมาณ 1.5 กม. แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนสุวรรณภูมิ 2
– ขับตรงไปประมาณ 450 เมตร ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนสุวรรณภูมิ 3
– ขับตรงไปประมาณ 9 กม. และข้ามสะพาน ไปยังถนนหมายเลข 370
– เมื่อลงสะพานให้ชิดซ้ายออกทางคู่ขนาน เพื่อเข้าสู่เซ็นทรัล วิลเลจ

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก
Website: http://www.centralvillagebangkok.com/
Fb: Central Village
TEL: Central Village Call Center ได้ที่เบอร์ 02-550-6555