ต้องอดข้าวเป็นอาทิตย์ กว่าจะเจอธุรกิจที่ใช่… [ น้ำจิ้มเจริญ น้ำจิ้มสุด.. Amazing ]

ต้องอดข้าวเป็นอาทิตย์.. กว่าจะเจอธุรกิจที่ใช่… [ น้ำจิ้มเจริญ น้ำจิ้มสุด.. Amazing ]

หลายคนคงกำลังตามหาธุรกิจของตัวเอง.. กันอย่างสุดชีวิต..ชนิดสู้ไม่ถอย
ถึงล้มแล้ว…ล้มอีก ก็ยังลุกขึ้นสู้…

ต้องกิน “น้ำตา” ต่างข้าว..
กินเสียง “เยียดหยาม” …ต่างกับ

เมื่อตัดสินใจแล้ว…ว่าจะต้องทำธุรกิจที่เป็นของเราเองให้ได้
จึง… ห้ามท้อ… ห้ามถอย.. ห้ามเลิก…

    ดังเช่น…ตัวอย่างธุรกิจในวันนี้ แม้เป็นเพียงแค่น้ำจิ้ม แต่ไม่ง่ายเลย…ที่จะทำให้เป็นรูปร่าง สร้างเป็นโมเดลธุรกิจขนาดเล็กๆ ที่คิดวางแผนให้โตไปไกลถึงต่างประเทศ เราลองไปดูเส้นทางของ sme ท่านนี้ ว่าเขาเจออะไรมาบ้าง… และเป้าหมายของธุรกิจเป็นเช่นไร ไปดูกันเลยครับ

 

ปฐมบทของชีวิต

     จากที่เรียนจบปริญญาตรี สายการตลาด ต้องผ่านหลายบททดสอบ กว่าจะเจอธุรกิจที่ใช่… ของ คุณ.ศุภชาต์ อัสดรวุฒิไกร ผู้ที่ตั้งเป้าหมายของชีวิตว่า “ฉันจะต้องทีธุรกิจของตัวเองให้ได้” คุณศุภชาต์ ( แทน ) เรียนจบปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

     เมื่อเรียนจบก็ได้ทำงานเป็นผู้ช่วยครูที่ โรงเรียน นานาชาติ และ ทำงานที่สมาคมโรงเรียนนานาชาติแห่งประเทศไทย อยู่ประมาณ 6 เดือน , จากนั้นก็ไปทำงานบริษัทเสื้อผ้ายี่ห้อ Dapper ในตำแหน่งผู้ช่วย ผู้อำนวยการฝ่าย PR อยู่อีก 6 เดือน

    ทำงานประจำอยู่เกือบ 1 ปี ก็ตัดสินใจลาออก เพื่อมาเรียนต่อปริญญาโท หวังเพิ่มพูนความรู้ เพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจในอนาคต โดยสมัครเรียนที่เดิม มหาวิทยาลัยกรุงเทพ สาขาบริหาร เอกการตลาด ในวันเสาร์-อาทิตย์ , ส่วนวันธรรมดาก็ทำงานที่ธนาคาร AIG ในแผนก Finance กว่า 2 ปี ( เป็นช่วงที่แรกที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ และ ความรู้ ตลอด 3 ปี หลังจากเรียนจบ ) แต่นี่อาจไม่ใช่คำตอบสุดท้าย..

Advertisements

ของจริงพึ่งเริ่ม…

    หลังจากทำงานประจำอยู่ 3 ปี พร้อมกับเรียนจบ ป.โท คุณศุภชาต์ ตัดสินใจลาออกมาทำธุรกิจของตัวเอง โดยเริ่มต้นจากธุรกิจของบ้านแฟน คือ “ ขายพื้นหินอ่อน ” , ทุกอย่างเป็นไปได้ดี , ขายส่งให้บุญถาวรทุกสาขา แต่ก็เหตุให้ต้องเลิกทำ

   ต่อมายัง… คงมุ่งหน้าที่จะสร้างธุรกิจของตัวเองให้จงได้… โดยธุรกิจตัวที่ 2 นี้ ยังคงจับอยู่ในสายธุรกิจวัสดุก่อสร้าง เพราะมีความคุ้นเคย

    คราวนี้…เริ่มหา Product ใหม่ , และเน้นที่ใส่แบรนด์สินค้าของตัวเอง หวังให้สินค้าติดตลาด ให้ได้ ด้วย “น้ำยากันซึมพื้น” คุณศุภชาต์ ใช้วิธีจ้างโรงงานผลิต แล้วนำมาขาย โดยที่วิ่งเข้าหาลูกค้าเป้าหมาย “ หลักการตลาด ทฤษฎีบนแผ่นกระดาษ ” แต่ปัญาหาที่เจอนี่ซิ..ของจริงล้วนๆ

    กลุ่มเป้าหมายแรกที่ตั้งไว้ คือ ไซต์งานก่อสร้างต่างๆ คุณแทน เข้าไปเสนอสินค้าของตัวเอง แต่ปัญหาที่เจออย่างจัง คือ ทุกไซต์งานก่อสร้างเขามีร้านประจำอยู่แล้ว ( ซึ่งในวงการขายวัสดุก่อสร้าง การซื้อ-ขาย กับร้านค้าประจำกัน อาจมีส่วนลดพิเศษ เปิดบิลแบบแปลกๆ ) ทำให้ไม่สามารถขาย น้ำยากันซึมพื้นได้เลย..

กินกล้วยแทนข้าว… [ ตกต่ำที่สุดในชีวิต ]

    ช่วงนี้เป็น..ช่วงที่คุณแทน รู้สึก..ท้อแท้มาก , ปัญหาทุกอย่างวิ่งเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว เป้าหมายที่ตั้งไว้…มันลอยห่างออกไปทุกนาที

   เงินทุนที่เหลือจากการ ขายพื้นหินอ่อน ก็เริ่มร่อยหรอไปทุกที จนต้องนำรถยนต์ที่ขับอยู่ไปขาย เพื่อนำเงินมาหมุนวันต่อวัน แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น…เงินทุกบาท ทุกสตางค์เริ่มหมด ต้องอดข้าวเป็นหลายๆ อาทิตย์ , ใช้การกินกล้วยน้ำว้า แทนข้าวเพื่อความอยู่รอด รอออเดอร์ที่จะเข้ามาเพื่อได้มีเงินมาหมุนต่อไป

    เวลาเสียงโทรศัพท์ดัง….กรี๊งๆ ทีไร..มันชั่งเหมือนเสียงสวรรค์ ทั้งที่บ้าง “order” ที่สั่งมาเราไม่มีของเลยด้วยซ้ำ แต่ทุกครั้งเราจะบอกว่า “มี” ไว้ก่อน.. แล้วค่อยหาของไปส่งเขาอีกที

    ทำอยู่ 2 ปี ก็ต้องกับไปทำงานธนาคารเหมือนเดิม ด้วยความบังเอิญเมื่อเจอเจ้าหน้าเก่าบนรถไฟฟ้า , เจ้านายเก่าเลยชวนมาทำงานที่ธนาคารกสิกรไทย ก็ตัดสินใจไปทำ เพื่อหวังเก็บเงินให้ได้อีกก้อน แล้วกับมาลุยอีกครั้ง..

ยางบวมน้ำ..
   เก็บเงินได้ก้อนใหม่ ก็กลับมาลุยต่อ ด้วยผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ “ยางบวมน้ำ” คราวนี้เจอปัญหาทำราคาสู้กับเจ้าใหญ่ใม่ได้ โรงงานที่ผลิตขึ้นเอง กับ การไปสั่งผลิต ทำให้ราคาต้นทุนต่างกันมาก เป็นเหตุให้ต้องจบไปอีกธุรกิจ… [ กลับมาอดเหมือนเดิม ]

ยังเจ๊งอย่างต่อเนื่อง…

    ต่อมา…คุณศุภชาต์ ได้มีโอกาสเข้าไปอบรม Young Democrat ของพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำงานในแบบใหม่ๆ ได้หาประสบการณ์อีกรูปแบบ พบผู้คนมากมายหลายแบบ แต่ก็หยุดไป เพราะเหตุทางการเมือง

   ในช่วงนี้ “คุณศุภชาต์” ได้นำผลิตภัณฑ์ของชาวบ้าน ที่เคยพบปะสมัยทำงานการเมือง มาทำตลาดขาย คือ “ ข้าวเกษตรอินทรีย์ ” , แต่ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เขายังไม่นิยมบริโภค เหมือนในปัจจุบัน เป็นอันต้องพับไปอีกธุรกิจ

    จากนั้นก็หันมาทำ “ ข้าวโพดป๊อบคอร์นแบบสำเร็จรูป ” ร่วมหุ้นกับเพื่อนๆ ซึ่งแต่ละคนทำงานประจำกันหมด ทำให้ไม่มีเวลามาทำอย่างจริงจัง หลายหุ้นส่วนจึงเกิดปัญหา ทำให้ต้องพับไปอีกกิจการ [ กล้วยน้ำว้า..ที่พึ่งเดิม ]

    น้ำเห็ด 3 อย่าง : คุณศุภชาต์ ไปเจอสินค้าตัวนี้ที่จังหวัดราชบุรี สินค้าโอทอป 5 ดาว , จึงติดต่อให้เขาผลิตให้ ด้วยคิดว่าสินค้าตัวนี้คงดี เป็นน้ำที่มีประโยชน์เพราะล้างพิษภายในร่างกายคน , แต่ก็มีเหตุให้เลิกล้มไปอีก เพราะเมื่อเอาไปให้คนรอบตัวกิน ไม่มีใครที่กินได้เลย เพราะ รสชาติมันไม่อร่อย มันเหมือนยาจีนมากเกินไป สุดท้าย..ก็กล้วยน้ำว้าเหมือนเดิม

ธุรกิจที่ใช่…จากคนใกล้ตัว

การค้นหา…บ้างอย่าง  เหมือนการ…งมเข็มในมหาสมุทร
แต่เมื่อหยุดค้นหา…เข็มนั้นกับอยู่ใกล้ๆ ตัวเรา..

    คุณศุภชาต์ (แทน ) มีน้องคนหนึ่งที่รู้จักสนิทสนมกันมาเป็น 10 ปี แล้ว โดยน้องคน ( คุณปอ ) นี้  จะพูดให้คุณแทน ฟังอยู่เสมอๆ ว่าเธอมีสูตรน้ำจิ้มอร่อยสุดๆ ใครกินเป็นต้องติดใจกันทุกคน , ซึ่งน้องคนนี้เขาเปิดร้านขายยำอยู่ที่ตลาดสำเพ็ง ขายดีมากๆ ลูกค้าติดกันตึม…

    วันหนึ่งคุณแทนได้มีโอกาสไปเที่ยวตลาดสำเพ็ง ก็เลยแวะไปหาน้องคนนี้ที่ร้าน… ภาพแรกที่เห็น…เหมือนปูจับใส่กระดง คนมุ่งแน่นหน้าร้าน ร้านรถเข็นเล็กๆ แต่กลับมีลูกค้ายืนซื้อกันให้หึมๆ เพราะอะไร ( คุณแทน…งง มากๆ )

    คุณแทน ไม่รอช้า เข้าไปสังเกตการณ์ทันที ลูกค้าทุกคนต่างมีจุดที่เหมือนกัน คือ “ขอน้ำจิ้มเพิ่มด้วยนะ” อุเม่..มีแต่คนอยากได้น้ำจิ้ม ที่เห็นชัดที่สุด…จนติดตาติดใจคุณแทน คือ …

    มีอาม่าท่านหนึ่ง ( ผู้หญิงสูงอายุ มีศักดิ์เป็นแม่ของแม่ หรือ อาจเรียกด้วยความนับถือ ) , อาม่าท่านนี้ซื้อยำไปเรียบร้อยแล้ว แต่ท่านเดินกลับมาพร้อมด้วยถ้วยไปหนึ่ง แล้วบอกว่า “ อาเถ้าแก่เนี๊ย…อาม่าขอน้ำจิ้มเพิ่มหน่อยซิ ” ซึ่งเพื่อนรุ่นน้องของคุณแทนก็ตักให้ด้วยความเต็มใจ.. เพราะอยากได้ใจลูกค้า…วันหลังเขาจะได้มาซื้ออีก

    คุณแทน งง…มาก น้ำจิ้มที่ให้ไปไม่พอหรือ ทำไมต้องมาขอเพิ่ม “สายเลือดนักการตลาด ต้องหาคำตอบให้ได้…” คุณแทนจึงค่อยๆ ไปพูดกับอาม่าถามโน้น-ถามนี่ไปเลย… แล้วก็..วกเข้าคำถามที่อยากรู้ทันที “อาม่าขอน้ำจิ้มเพิ่มไปทำอะไรค่ะ”

    อาม่า ตอบทันทีว่า : จะเอาใส่ลูกชิ้น…ที่เหลืออยูในตู้เย็น , น้ำจิ้มเขาอร่อยดี [ ปิ้ง… เหมือนสว่างมาโปรด ] สินค้าตัวต่อไปของเรา มันอยู่ใกล้นี่น่า…

หยุดแจก…แล้วมาทำขายกันดีกว่า ไหมน้อง…

    คุณแทน ไม่รอช้า… ในบ่ายวันนั้นหลังเลิกร้าน คุณแทนคุยกับน้องเขาทันที ให้มาทำน้ำจิ้มขายกัน จับใส่ขวด มี packaging มีชื่อตราสินค้าเป็นของตัวเอง ขายได้เยอะแน่ๆ…

    เป็นอันว่า…คืนนั้นทั้ง 2 คนไม่ต้องทำอะไร หันมาพัฒนาสินค้ากันอย่างเร่งด่วน… เหมือนไฟที่พุ่งพลาน ใครจะเอาอะไรมาฉุดก็ไม่อยู่แล้วครับในขณะนั้น กลางคืน…คืนนั้นสองคนก็ไปซื้อ พริก , กระเทียม , มะนาว กันเลยที่ตลาดปากคลอง และวันรุ่งขึ้นเราก็ไปซื้อขวดแก้วสำหรับใส่น้ำจิ้ม แล้วนำมาบรรจุขวด

    ผลปรากฏว่า ล๊อตแรก ที่ทำออกมา คือ เททิ้งทั้งลัง เพราะ คุณแทนเปลี่ยนพริกสีแดง เป็น พริกเขียว เพื่อให้ดูคุ้นชินเหมือนน้ำจิ้มซีฟู้ดทั่วไป ผลที่ออกมามันใช้ไม่ได้เลยทำให้ เหม็นหืน รสชาติไม่เหมือนเดิมที่ขาย ต้องกับมาใช้สูตรเดิม

 
ขวามือ : คุณแทน , ซ้ายมือ : คุณปอ

ของดี…ไม่ต้องกลัวว่าขายไม่ได้

   เมื่อได้สูตรที่ลงตัวแล้ว…จะเริ่มขายยังไงดี คุณแทนใช้วิธี “แจก” ครับ โดยเริ่มจากกลุ่มเพื่อนของคุณแทนเอง ซึ่งเพื่อนๆ ของคุณแทนก็ชั่งดีเหลือหลาย จะแจกให้ชิมฟรี “กลับซื้อเสียเงินแบบเต็มราคา” ไม่ได้ไปกินเองนะครับ เพื่อนๆ ซื้อไปแจกต่ออีกที เพื่อช่วยคุณแทนโปรโมท คงเพราะเห็นว่าคุณแทน “ ล้มมาแล้วไม่เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ล้มแล้วล้มอีก ” ก็ช่วยบอกต่อกันเต็มที [ โอ้เพื่อนกินหาง่าย..เพื่อนตายหายาก ยิ่งเป็นเพื่อนโปโมทแบบนี้..ไม่รู้จะไปหาที่ไหนเลย ]

    เพียงไม่กี่เดือน ยอดก็เริ่มขยับ ลูกค้าที่ซื้อไปแล้ว..ก็กลับมาซื้อซ้ำอีก ทั้งจากปากต่อปาก ทั้งจากเฟสบุ๊ค ทำให้คุณแทนเห็นภาพอย่างชัดเจน… ว่านี่หล่ะ “ธุรกิจที่ใช่”

น้ำจิ้มเจริญ ออร์แกนิค , สารพัดเมนู

   จุดเด่น อีกอย่างของน้ำจิ้มเจริญ คือ เป็นสินค้าออร์แกนิค ปราศจากสารกันบูดใดๆ , สินค้าจากวัตถุดิบปลอดสาร , อาจเก็บได้ไม่นาน แต่มันดีต่อสุขภาพ ใช้มะนาวสดแท้ , ใช้กระเทียม , รากผักชี , พริกปลอดสาร

   สารพัดเมนู : “ น้ำจิ้มเจริญ เปิดขวดแล้วคลุก ” ง่ายๆ ก็ได้ออกมาสารพัดเมนู เช่น หมูมะนาว , ยำไข่ดาว , ยำลูกชิ้น , กุ้งแช่น้ำปลา , ยำปลาหมึก , ยำหอยนางลม เป็นต้น

 

วางขายร้านใบเมี่ยง วัดกันไปเลย..

    เมื่อเปิดธุรกิจมาได้ 6 เดือน คุณแทน ได้มีโอกาสคุยกับน้องคนหนึ่ง ว่าทำไมไม่ไปลองติดต่อวางขายที่ร้านใบเมี่ยง น่าจะขายดี
คุณแทนได้ลองเข้าไปเสนอสินค้า ที่ร้านใบเมี่ยง ถึง 3 ครั้ง ก็ไม่ผ่านซักที อาจด้วยความใหม่ และ สินค้าประเภทออร์แกนิคที่ไปเสนอในร้านเขาก็มีมาก ชั้นวางของเขาจึงต้องใช้คุ้มค่า

    ครั้งสุดท้าย…คุณแทนได้ไป เสนออีกว่า ให้โอกาสแทนได้ทดลองวางขายดูก่อน หากภายใน 1 เดือน สินค้าขายไม่ออกเลย…แทนจะไปเอากลับด้วยตัวเอง ทุกสาขา..
   ผลปรากฏว่า ยอดขายทุกสาขาเป็นไปด้วยดี ทำให้ได้ขายอย่างต่อเนื่อง… จนถึงปัจจุบัน

อนาคต ธุรกิจ น้ำจิ้มเจริญ

    คุณแทน กล่าวว่า ในช่วงเวลานี้ จะพัฒนาตัวสินค้าให้นิ่ง พร้อมกับเริ่มสร้างโรงงานผลิตให้เป็นมาตรฐานมากขึ้น แล้วค่อยเปิดช่องการขายใหม่ๆ ต่อไป.. อนาคต เป้าหมายใหญ่ คือ ตลาดต่างประเทศ , แต่ตอนนี้….ขอทำเวลานี้ให้ดีที่สุดก่อน…

Advertisements

    การค้นหาว่าเราจะทำธุรกิจอะไรดี… เป็นสิ่งที่หลายคนกำลังพยายามทำอยู่ในตอนนี้ แต่คงมีไม่กี่คนหรอก ที่จับธุรกิจแรกแล้ว ประสบความสำเร็จเลยทันที..  ดูอย่างคุณแทน กว่าจะเจอธุรกิจที่ใช่..ต้องผ่านมาแล้วเป็น 6 – 7 ธุรกิจ
   หากเพื่อนๆ ยังล้มไม่กี่ครั้ง…   ก็ขอให้สู้ต่อไป…  
   หากไม่เสียสละ…ชัยชนะย่อมไม่เกิด
   จงล้มเสียให้เข็ดเถอด.. แล้ววันหนึ่ง…ก็จะเจอธุรกิจที่ใช่เอง…

“จงอย่าบ่นว่าไม่รู้จะทำอะไรดี ถ้าคุณยังไม่เคยลงมือทำอะไร” [ อาซาดะ เพื่อน ทาเคชิ กล่าว ]

เขียนโดย อาซาดะ ริวอิจิ
ลิขสิทธิ์โดย ทำเลขายของ.com
(ข้อมูลลิขสิทธ์ จากบทสัมภาษณ์คุณศุภชาต์ อัสดรวุฒิไกรเมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2558 โดยทีมงาน www.ทำเลขายของ.com )
ไม่อนุญาต “คัดลอก” รวมถึงในกรณี ที่จะใส่ลิ้งค์กลับ ก็ไม่อนุญาต เช่นกันนะครับ
อนุญาตให้ “แชร์” ได้ครับ
ขอบคุณครับ

ข้อมูลธุรกิจ
ชื่อธุรกิจ : น้ำจิ้มเจริญ
เจ้าของธุรกิจ : นส.ศุภชาต์ อัสดรวุฒิไกร
ที่ตั้ง : 24 ซ.เจริญนคร 55 ถ.เจริญนคร เขตลองสาน คลองต้นไทร กรุงเทพ 10600
โทร : 081-909-3996
Facebook : https://www.facebook.com/CharoenSeasoning/

 

---

ขอขอบคุณ คุณแทน  1 ในผู้เข้า  โครงการ “รีวิว” ผู้ประกอบการหน้าใหม่  ธุรกิจน่าสนใจ

มาให้เรารีวิวให้ครับ คลิ๊กเลย…ฟรี

---