[โอ้ บร๊ะเจ้า…มันแสบมาก] รวย ไป 40 ล้าน ภายใน 1 ปี ทำอย่างนี้ได้ไง
[ โอ้ บร๊ะเจ้า…มันแสบมาก ] รวย ไป 40 ล้าน ภายใน 1 ปี ทำอย่างนี้ได้ไง
ความรวย ไม่เข้าใคร – ออกใคร
ใครก็อยาก “รวย” ด้วยกันทั้งนั้น..
แต่การจะ รวย ต้องได้มาอย่างสุจริต
ทำธุรกิจ “อย่างตรงไป-ตรงมา”
เรื่องราวต่อไปนี้… เป็นเรื่องจริงในสังคมมนุษย์ ที่เพื่อนๆ ต้องควรระวัง…
เพราะเป็นเรื่องของพวกมนุษย์ที่ไม่มีคุณธรรม…
คิดสั้นๆ ใน การทำธุรกิจแบบเงามืด…
ผู้เขียน จึงอยากนำมาบอกเล่า ให้เพื่อนๆ ระวัง..
เราลองไป ดูความแยบยล ของชายผู้ที่กวาดเงินไปกว่า 40 ล้าน กันเลยครับ… [ เล่าเอาแสบถึงทรวง… ]
Advertisements
ปูพื้นให้พอเข้าใจ
เรื่องราวของ “ผู้ชายคนหนึ่ง” ที่ผู้เขียนพอรู้จักเพียงผิวเผิน พี่คนนี้เขาอายุประมาณ 32 ปี เห็นจะได้ ( สมมุติว่าชื่อพี่เอก ) , เขามีอาชีพธรรมดามาก คือ “ขายส่งน้ำแข็ง” อยู่ในตลาดสดแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพแถวย่านชานเมือง ดูแล้วก็ฐานะธรรมดา ขับรถกระบะเก่าๆ ไม่มีทีท่าว่าจะรวยได้เลย…
แต่เมื่อไม่นานนี้ ได้ยินว่า… เขา “รวย” แล้วครับ ( เหตุการณ์นี้ เกิดเมื่อประมาณปี 2553 )
โดยแม่ของผู้เขียนเล่าว่า พี่เอก..ตอนนี้เขารวยแล้ว “ทำบ้านใหม่ ขับรถ BM คันละหลายล้านบาท”
ผู้เขียนสนใจ…ขึ้นมาทันที
รีบหันไปหาแม่….แล้วถามว่า “เขาทำอะไรหรือครับ”
แม่ของผู้เขียน : ตอบกลับมาว่า… เห็นเขาว่ากันว่า เขาไปทำพวก “ผลิตกระเป๋าหนังส่งออก”
ผู้เขียน : เลยซักต่อ อ้าว… แล้วเขาทำเป็นด้วยเหรอ…
แม่ของผู้เขียน : รู้สึกว่า…เขาจะทำกับแฟนใหม่เขานะ แฟนเขาเคยทำส่งออกมาก่อน แฟนเขาน่าพอมีเงิน
ผู้เขียน : อ๋อ…งั้นเขาคงได้ดีไปแล้ว ( ไอ้เราซิคงยังต้องดิ้นกันต่อไป.. )
ผ่านมาปีกว่าๆ รู้ข่าวใหม่…ถึงกับช็อก ( เรื่องมันกลับตาลปัตร พลิกจากหน้ามือ เป็น หลังเท้า เลย.. )
แม่ของผู้เขียน : รู้ยัง…พี่เอก คนดี เขาหนีไปแล้ว ( เหตุการณ์ต่อมาประมาณปี 2554 )
ผู้เขียน : หนีอะไร , หนีใคร , ครับแม่ ก็เขาเปิดบริษัทใหม่อยู่ไม่ใช่เหรอ
แม่ของผู้เขียน : ก็เขาไม่ได้ทำส่งออกแล้ว , ปิดกิจการไปแล้ว , แถมหอบเงินหนีไปด้วย , เห็นว่า..มันได้ไป 40 กว่าล้าน
ผู้เขียน : ก็เงินเขา…เขาทำมาได้ , จะเหลือเท่าไหร่ , พอไม่ได้ทำต่อแล้ว เขาจะเอาเงินไป ก็เรื่องของเขาซิ
แม่ของผู้เขียน : เงินมัน…ใครจะไปว่าอะไร นี่มันเป็นเงินของ “คนในตลาดทั้งเลยซิ”
ผู้เขียน : อ้าว…chip-หาย แล้ว… นี่มันเดินเกมไว้ตั้งแต่ต้นเลย นี่หว่า…
พี่เอกคนดี คนขยัน ภาพลักษณ์เป็นคนทำมาหากิน ผู้โชคดีได้พบรัก กับผู้หญิงที่มีพื้นเพการทำธุรกิจกระเป๋าหนังส่งออก และสร้างธุรกิจให้ “รวย” ในช่วงข้ามคืน แต่แท้จริงแล้ว…ทุกอย่างได้ ถูกวางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน จนโกยเงินของคนทั้งตลาดไปเกือบ 40 ล้าน ได้ไง
เพื่อนๆ คงสงสัยแล้วใช่ไหมครับ ว่า…พี่เอกเขาเอาเงินของคนในตลาดไปยังไง… ทำไม…คนในตลาดถึงได้เชื่อใจ จนทำให้สูญเงินไปกว่า 40 กว่าล้าน พี่เอกคนดี เขาทำยังไง… เราลองมาแกะรอยไปพร้อมๆกันเลยดีกว่าครับ
สร้างพล็อตให้น่าเชื่อถือ และ เป็นไปได้…
เรื่องของพี่เอก ได้ถูกสร้างพล็อตเรื่องให้น่าเชื่อถือ โดยชูความสำเร็จในการประกอบธุรกิจจน “รวย” ซึ่งต้องตอบ-คำถาม สังคมรอบข้างให้ได้ว่า…
– รวยมาจากอะไร
– มีความรู้ในการทำธุรกิจได้อย่างไร
– และต้องสื่อสาร ประชามสัมพันธ์ ให้คนรอบข้างรับรู้ด้วย ถึงความ “รวย” นี้ ( โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย )
พล็อตเรื่องจึงเป็นดังนี้ :
พี่เอกไปเจอแฟน ที่เขาเคยทำเกี่ยวกับส่งออกกระเป๋าหนัง แล้วก็เริ่มต้นมาเปิดบริษัทเล็กๆ ทำธุรกิจส่งออกกระเป๋าด้วยกัน จนประสบความสำเร็จ มีออฟฟิศ-มีที่ทำงาน , มีบ้าน , มีรถขับ “นักธุรกิจคนรุ่นใหม่ ที่ทำธุรกิจประสบความสำเร็จจนร่ำรวย”
สื่อสารให้กลุ่มเป้าหมายได้รับรู้ ( สร้างความน่าเชื่อถือให้เหยื่อได้รับรู้ )
จากนั้น พี่เอก กับ แฟน เริ่มไปเช่าอาคารหลังห้างดัง ย่านศรีนครินทร์ มาเปิดเป็นออฟฟิศและโชว์รูม โดยจัดโชว์กระเป๋าหนัง แบบเต็มโชว์รูม ต้องเสียค่าเช่าไปเดือนละหลายหมื่นบาท พร้อมเปิดตัวธุรกิจใหม่ที่ได้ทำกับแฟน มีคนไปร่วมยินดีกันมากมาย เป็นภาพลักษณ์ที่ดีสุดๆ ( โอ้.. รวย จริง )
พี่เอกยังมาที่ร้านขายส่งน้ำแข็ง ในตลาดอยู่เลยๆ แต่เวลามาที พี่เอกจะขับรถ , BMW มาบ้าง , Benz บ้าง สลับกันไปมา ทำให้คนภายนอกดูแล้ว เหมือนเศรษฐีหน้าใหม่ ที่ประสบความสำเร็จ
อีกทั้งยังซื้อบ้านใหม่ จัดงานทำบุญบ้าน มีคนไปร่วมงาน ( โดยไม่รู้เลยว่า…บ้านนั้นซื้อมา หรือ เช่ามาแบบเฉพาะกิจ )
เริ่มแผน 2 ( อ่อยเหยื่อ ล่อปลา )
เมื่อภาพความ “รวย” เป็นที่รู้กันทั่ว ของคนทั้งตลาดแล้ว ก็เริ่มแผนขั้นต่อไป…
พี่เอก…เริ่มตีสนิทกับ น้องร้านขายผลไม้ท่านหนึ่งในตลาด คุยกันอย่างถูกคอ… จนพี่เอกเริ่มชวนให้มาลงทุนกับบริษัท โดยลงทุนเงินครั้งละ 100,000 บาท , จะได้รับผลตอบแทนธุรกิจ เดือนละ 5,000 บาท ทุกเดือน , มีระยะเวลาการลงทุน 5 ปี เมื่อครบกำหนด ถึงจะถอนเงินทุนได้เต็มจำนวน ( พี่เอกบอกว่า…เป็นเงินลงทุนที่จะนำมาขยายธุรกิจ )
ตอนแรกๆ “น้องเจ้าของร้านขายผลไม้” ก็ลังเลใจอยู่เหมือนกัน เพราะไม่มีความรู้เรื่องเอกสารอะไรเลย ซึ่งพี่เอกก็ใจดี บอกไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวจะดูให้
น้องเจ้าของร้านขายผลไม้ : ก็เลยตัดใจลองดู เงินแสนหนึ่งคงไม่เป็นไหร่ ถ้าหมด..ก็หมดแสนหนึ่งเท่านั้น ไม่มากกว่านี้ ( ที่จริงเจ้าของร้าน แต่ละร้านในตลาดส่วนใหญ่ จะเป็นคนที่รวยอยู่พอสมควร , บ้างคนเป็นรุ่นที่.2 , บ้างคนก็เป็นรุ่นที่.3 แต่ละร้านมีเงินเก็บกันพอสมควรทีเดียว )
ผ่านเดือนแรก , เดือนที่ 2 มา.. ก็ยังได้รับเงินจาก พี่เอก..อย่างไม่มีปัญหา น้องผลไม้ เริ่มติดใจ… อยากเพิ่มเงินลงทุนขึ้นมาแล้วซิ…
แผน 3 ( ตกปลาใหญ่ )
อันที่จริง “พี่เอก” ยังทำในลักษณะเดียวกันกับ น้องขายผลไม้ ไปกับร้านอื่นๆ ในตลาดอีกกับหลายร้าน
เมื่อเข้าแผน.3 เริ่มกระจาย ให้กว้างออกไปอีก…
คือ ถ้าใครที่สามารถชวนคนอื่นๆ มาลงทุนได้ ครบ 5 คน จะผลตอบแทนเดือนละ 5,000 บาท , ถ้าครบ 10 คน จะผลตอบแทนเดือนละ 10,000 บาท จากยอดเงินที่ไปชักชวนมาด้วย
โดยพี่เอก จะบอกว่า…ช่วงนี้ บริษัท กำลังสร้างโรงงานใหม่ ต้องการเงินมาทำโรงงาน
ตัวอย่าง
นาย A: ชวนหญิงน้อย , คุณบี , ป้าเล็ก , เจ๊ใหญ่ มาลงทุนได้ ดังนี้
หญิงน้อย: ลงทุน 400,000 บาท , หญิงน้อยได้ผลตอบแทนเดือนละ 20000 บาทต่อเดือน
คุณบี: ลงทุน 300,000 บาท , คุณบีได้ผลตอบแทนเดือนละ 15000 บาทต่อเดือน
ป้าเล็ก: ลงทุน 100,000 บาท , หญิงน้อยได้ผลตอบแทนเดือนละ 5000 บาท/เดือน
เจ๊ใหญ่: ลงทุน 200,000 บาท , หญิงน้อยได้ผลตอบแทนเดือนละ 10000 บาท/เดือน
ส่วนนาย A: ผู้ชักชวนทุกคนมา จากยอดเงินนี้ จะได้รับเงินอีก 10,000 บาท ทุกเดือนเช่นกัน
ทำให้มีคนในตลาด นำเงินมาลงทุนกันอย่างล้นหลาม บ้างคนค่อยๆลงทุน จนมียอดไปเป็นล้าน บ้างคนมีเงินมากหน่อย ก็ลงครั้งละล้านบาทก็มี เรียกได้ว่า…ภายในเวลา 1 ปี มีคนนำไปลงทุนกับพี่เอกหลายล้านบาททีเดียว
ทุกคนที่ลงทุน ได้รับผลตอบแทนอย่างต่อเนื่องและตรงเวลา แต่สุดท้ายหายนะก็มาเยือน…
Advertisements
จุดจบ
เรื่องมาแตก…เพราะ “ไม่สัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก”
พี่เอก ติดต่อไม่ได้ ร้านขายน้ำแข็ง ไม่มีคนอยู่แล้ว…
ออฟฟิศ ปิดตาย..
บ้าน ปิดเงียบ เห็นแต่ประกาศให้เช่า..
คนโจษจันกันทั้งตลาด ว่า..ไอ้เอก มันหนี ไปแล้ว…
มีคนสูญเงินหลักล้าน กันหลายคนมาก
บ้างคนไม่มีเอกสารอะไรเลย..
บ้างคนมีเอกสาร แต่เป็นเอกสารที่ทำขึ้นมาลอยๆ
ไม่มีใครรู้ยอดเงินความเสียหายที่แท้จริง..
บ้างคนก็ว่า…ทั้งตลาดน่าจะโดน ไปเป็น 10 ล้าน
บ้างคนก็ว่า..อย่างน้อยต้องมี 20 ล้านขึ้น
แต่เท่าที่ได้ยินมา มีอยู่รายหนึ่งโดนไปเป็นสิบล้าน..
คาดว่า…เงินในมือ “เจ้าเอก” อย่างน้อยคงมีไม่ต่ำกว่า 40 ล้าน เป็นแน่… [ โอ้บร๊ะเจ้า…มันแสบมาก ]
จากเรื่องราว ที่ผู้เขียนได้เล่ามานี้ จุดประสงค์หลักก็เพื่อมาเตือน ให้เพื่อนๆระมัดระวังตัวในการลงทุน “สิ่งที่เราเห็น อาจไม่ใช่ความจริง” มนุษย์บ้างคนใช้เปลือก แห่ง “ความร่ำรวย” เป็นตัวสร้างความน่าเชื่อถือ , ใช้ผลตอบแทนมากๆ มาเป็นเหยื่อล่อ , ซึ่งก็มักจะได้ผลด้วย มีปลามากินเหยื่อของพวกมันซะทุกทีซิน่า..
จึงมาเขียนบอกเล่าประสบการณ์อีกโลกธุรกิจด้านมืด ที่ต้องเรียนรู้เอาไว้.. เพื่อให้ทันเล่ห์เหลี่ยมของคนหลอกคน เพราะมันน่ากลัวเสียยังกว่าผีหลอกคน หลายเท่าตัวนัก…
เขียนโดย อาซาดะ ริวอิจิ
ลิขสิทธิ์โดย ทำเลขายของ.com
ไม่อนุญาต “คัดลอก” รวมถึงในกรณี ที่จะใส่ลิ้งค์กลับ ก็ไม่อนุญาต เช่นกันนะครับ
อนุญาตให้ “แชร์” ได้ครับ
ขอบคุณครับ
Leave a comment