เลิกคิดสั้น,ปลดหนี้ได้ จากพระราชดำรัส ปี 40 [ ลุงนิล เกษตรคอนโด 9 ชั้น ]

Posted on ธันวาคม 2, 2015 by administrator in ธุรกิจ SME น่าสนใจ, ธุรกิจเกษตร // 0 Comments

เลิกคิดสั้น,ปลดหนี้ได้ จากพระราชดำรัส ปี 40 [ ลุงนิล เกษตรคอนโด 9 ชั้น ]

วันที่ 4 ธันวาคม ปี 2540

“ยังจำได้ดี…วันนั้นลุงคิดจะฆ่าตัวตาย เพราะเจ้าหนี้มาทวงเงินที่บ้านทุกวัน แบบแทบไม่ได้พักให้หายใจเลย โชคยังดีที่คิดถึงหน้าลูก เขาจะอยู่ยังไง พอตั้งสติได้ ก็กลับมานั่งคิดว่าจะทำยังต่อไปกับชีวิต วันนั้นตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาของในหลวง ลุงเปิดทีวี ได้ฟังพระราชดำรัสของพระองค์ฯ เรื่องการทำเกษตรแบบพอเพียง”

“เหมือนสายฝนที่มาชโลมหัวใจ ทางเดินที่พ่อสอน…ลุงตัดสินใจจะเดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท” นับแต่วินาทีนั้น…เป็นต้นมา

จากพ่อค้าขายของชำ จนมาทำสวนทุเรียนเจ๊ง เป็นหนี้กว่า 2.5 ล้าน(สมัย พ.ศ.2540 ) หนักเอาการ เคยคิดสั้นถึงขั้นจะฆ่าตัวตาย แต่กลับมาได้เพราะฟังพระราชดำรัส และสร้างรูปแบบเกษตรพอเพียง ในสูตรสำเร็จเฉพาะตัว กับสมญานามที่ว่า “ลุงนิล สวนเกษตรคอนโด 9 ชั้น” ทำรายได้กว่าปีละ 1 ล้านบาท ลุงนิลทำอย่างไร…ไปหาคำตอบแบบง่ายๆ ที่ใครก็ทำได้…

หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา.. แต่ไปตัดเองนะครับ

จบ ป.5 แต่เป็นเจ้าของร้านอาหารถึง 9 แห่ง (ที่หัวหิน)

“ลุงนิล (สมบูรณ์ ศรีสุบัติ)” เกิดมาในครอบครัวทำสวน เรียนได้แค่ ป.5 ต้องออกมาช่วยพ่อทำสวน จากนั้นก็ไปหาเงินด้วยการเปิดร้านชำเล็กๆ ต่อมาได้ไปเปิดร้านตัดเสื้อผ้า แต่โดนเสื้อโหลตีตลาด ก็หันไปเรียนทำอาหาร และไปเป็นกุ๊กอาหารจีน

ทำได้ไม่นาน.. ก็ออกมาทำเป็นของตัวเอง ภายในเวลา 10 ปี ลุงนิลเปิดร้านอาหารไปถึง 9 แห่ง ที่หัวหิน มีรายได้ที่ดีมากๆ แต่ต้องแลกด้วยความเหนื่อย และต้องดูแลตลอดเวลา วันไหนลุงนิลหยุด รายได้หาไปกว่าครึ่ง เพราะเงินมันรั่วไหล…

มะนาว , พริกไทย , พืชผักสวนครัว “ปลูกที่อยากกิน กินที่อยากปลูก”

ปลูกทุเรียน เพราะอยากรวย ถึงขึ้นเจ๊ง เป็นหนี้นอกระบบกว่า 2.5 ล้าน

ลุงนิล..เปิดร้านอาหารและร้านขายผลไม้ เลยไปรับทุเรียนมาขายได้ด้วย ลุงนิลเล่าว่า..ซื้อมากิโลละ 25-28 บาท มาขายกิโลละ 50-55 บาท กำไรเท่าตัวเลย โดยที่ลุงนิลจะวิ่งไปรับถึงสวนที่จังหวัดจันทบุรี

ตอนที่ไปรับทุเรียนที่จันทบุรี ลุงนิลกับเด็กต้องไปตัดกันเอง ตัดไปได้ 6 ต้น จ่ายเงินค่าทุเรียนไปกว่า 7 หมื่นบาท , รายได้ดีมาก เฉลี่ยมีรายได้ต้นละหมื่นกว่าบาท ทำให้ลุงนิลอยากปลูกบ้าง ต้องรวยแน่ๆ..

ลุงนิล…ตัดสินใจ นำเงินเก็บกว่า 4 แสน มาปลูกทุเรียนในที่ดินของพ่อแม่ ที่จังหวัดชุมพร ประมาณ 17 ไร่ คิดแล้วน่าจะปลูกได้กว่า 700 ต้น โดยต้องปรับหน้าดิน,ขุดบ่อน้ำ,เตรียมลงต้นกล้าใหม่ เงิน 4 แสนหมดไปอย่างรวดเร็ว ต้องหาเงินมาลงทุนต่อ เพราะยังต้องดูแลต้นทุเรียนให้โต ถึงระยะเก็บผลผลิตได้

Advertisements

ลุงนิล…เลยกลับไปเซ้งร้านทั้งหมด ได้เงินมากว่า 2.4 ล้าน มาเป็นทุนในการปลูกทุเรียนต่อ ผ่านไป 4 ปี เงินทุนเริ่มหมด ต้องไปกู้เงิน ธกส. ยื้ด…มา 7 ปี ,จึงเริ่มเก็บผลผลิตได้

แต่ด้วยอยากได้…ทุเรียนที่ออกนอกฤดูการ จึงไปจ้างบริษัทที่เขารับทำ “ทุเรียนทวาย” เขาใช้สารเคมีเพื่อเร่ง ปีแรกก็ได้ผลผลิตดีอยู่ แต่พอปีที่ 3 หมดสัญญากับบริษัท ทุเรียนทั้งหมดก็เริ่มมีอาการใบเหลือง ทำท่าจะไปรอด ลุงนิลต้องไปหายามารักษา ใครว่าอะไรดีก็เอามาใส่ หมดไปที 4-5 หมื่นบาท ต้องไปกู้หนี้นอกระบบจนเป็นหนี้ถึง 2.5 ล้าน

ใช้ปุ๋ยอินทรีย์..ได้คะน้า ต้นใหญ่มาก

หยิบปืนขึ้นมา..จบเรื่องทั้งหมด

ลุงนิลเล่าว่า…วันนั้น หมดสิ้นทุกอย่าง หยิบปืนขึ้นมาจ่อที่ขมับ กะว่าจบแค่นี้พอ แต่เห็นหน้าลูกที่วิ่งออกมาจากบ้านพอดี ทำให้ลุงนิลหยุดตั้งสติ คิดถึงลูกว่าเขาจะอยู่ยังไง… จึงเริ่มคิดว่าชีวิตจะไปยังไงต่อ…

คืนนั้น…ลุงนิลได้ดูทีวี ฟังพระราชดำรัสของในหลวง เหมือนสายฝนที่มาชโลมหัวใจ ทางเดินที่พ่อสอน…ลุงจะเดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท นับตั้งแต่วินาทีนั้นเป็นต้นมา…

หาได้จากหลังบ้าน…ลุง เองครับ

ไปอบรมหาความรู้เกษตรพอเพียง

ลุงนิลได้ไปอบรมการทำเกษตรพอเพียง,เกษตรผสมผสาน ตามทฤษฎีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หันมาใช้การปลูกแบบอินทรีย์ ทำปุ๋ยใช้เอง , ทำยาฆ่าศัตรูพืชจากธรรมชาติ ทุกอย่างต้องพยายามทำเองให้ได้

เกษตรคอนโด 9 ชั้น

คุณลุงนิล…เล่าว่า ได้แนวคิดมาจาก เห็นคนที่อยู่อาศัยในคอนโด ใช้พื้นที่น้อยแต่สามารถอยู่อาศัยได้เยอะ ลุงนิลได้นำมาปรับใช้กับพื้นที่ดินในสวน ทำทุกตารางนิ้ว ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทุกมิติ จากใต้ดิน..สู่ผิวน้ำ และสูงขึ้นไปในอากาศ ออกมาเป็น เกษตรคอนโด 9 ชั้น ดังนี้

ชั้นที่.1 สร้างบ่อน้ำเพื่อเลี้ยงปลาแหล่งโปรตีน ปลูกบัวราชินี , ผักกะเฉด

ชั้นที่.2 ปลูกพืชใต้ดิน ประเภทหัว เช่น ขมิ้น กระชาย ข่าเหลือง หัวกอย มันญี่ปุ่น

ชั้นที่.3 ปลูกพืชหน้าดิน อาทิ พริกขี้หนู ยอดเหลียง มะเขือ กะเพรา โหระพา ตะไคร้ ต้นหอม

ชั้นที่.4 ปลูกส้มจี๊ด 1,000 ต้น,มะนาว

ชั้นที่.5 ปลูกกล้วยเล็บมือนาง

ชั้นที่.6 ปลูกทุเรียน

ชั้นที่.7 ปลูกพริกไทยพันธุ์ดี โดยให้เลื้อยไปบนต้นทุเรียน

ชั้นที่.8 ปลูกไม้เป็นร่มเงา เป็นทั้งต้นไมที่ให้ร่มเงา และสามารถตัดเพื่อขายได้ในอนาคต

ชั้นที่.9 คือปลูกไม้ยางนา 150 ต้น ชั้นสูงสุด ปลูกเพื่อถวายแด่ในหลวง

จะเห็นได้ว่า..เป็นการใช้ทุกพื้นที่ ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด ในสวนของลุงนิล จึงแทบไม่ที่ว่างเลย เพราะถูกปลูกไปด้วยพืชนานาพรรณ ทั้งไม้ผล,ไม้ยืนต้น พืชผักสวนครัว กลายเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตส่วนตัว ที่อยากกินอะไร ก็ไม่ต้องจ่ายตังค์ แค่เดินไปตัด ก็กินได้เลย

ทุเรียนทอด ปลูกเอง ทอดเอง ขายเอง ..กดไลค์เลย

วันนี้ลุงมาเป็นพ่อค้าหน่อยครับ…ปลอดสาร อร่อยแบบธรรมชาติ 100 %

มองไปในสวน มีแต่เงินกับเงิน

อาธิเช่น…
– ขมิ้น เก็บอาทิตย์ละครั้ง เก็บได้ราว 200 kg ขายกิโลกรัมละะ 12 บาท , ได้เงิน 2,400 บาท
– กระชาย เก็บอาทิตย์ละครั้ง เก็บได้ราว 200 kg ขายกิโลกรัมละ 12 บาท , ได้เงิน 2,400 บาท
– ส้มจี้ด 1,000 ต้น เฉลี่ยตลอดทั้งปี คิดได้ต่อวัน 3,000 บาท
– กล้วยเล็บมือนางเก็บได้ อาทิตย์ละครั้ง ประมาณ 1,000 กิโลกรัม ราคา 5-6 บาท , ได้เงิน 5,000-6,000 บาท
– ทุเรียน 700 ต้น เก็บได้ต้นละหมื่น ปีละ 7 แสน
– พริกไทย ปีละ 3 แสน
– อื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าเดินไปทางไหนในสวนก็เป็นเงินไปหมด ยังมีรายได้จากลูกหมู ได้ขี้หมูมาทำปุ๋ย มีไข่จากเป็ด มีปลาเป็นอาหารเย็น ทั้งรายได้ ทั้งของกิน

วันนี้มากันเยอะเลย…

เริ่มพอเพียง…ต้องแบ่งปั่น

ลุงนิล…สามารถใช้หนี้ทั้งหมดได้ในเวลา 7 ปี ต่อมา…จากนั้น ก็เริ่มโครงการใหม่อีก 2 โครงการ เพื่อคืนสู่สังคม

1.) สร้างงานให้เพื่อนบ้าน ลุงนิลจะแบ่งออร์เดอร์จากโรงงานเครื่องแกง ที่ต้องส่ง ข่า,ตะไคร้,พริก ให้แต่ละบ้านแบ่งกันไปปลูก แต่ละบ้านจะมีรายได้จากการขายข่า,ตะไคร้ เป็นรายอาทิตย์ สร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชุน

2.) เปิดเป็นศูนย์การเรียนรู้เกษตรพอเพียง จะมีผู้ที่สนใจจาก โรงเรียน นักเรียน นักศึกษา ภาครัฐและภาคเอกชน มาศึกษาดูงานอยู่เป็นประจำ

Leave a comment ยกเลิกการตอบ