จากเด็กเข็นของ สู่เจ้าของร้าน ข้าวมันไก่ 10 บาท ขายวันละ 5-6 พันบาท

Posted on กันยายน 2, 2016 by administrator in ธุรกิจ SME น่าสนใจ, ธุรกิจร้านอาหาร // 0 Comments

จากเด็กเข็นของ สู่เจ้าของร้าน ข้าวมันไก่ 10 บาท ขายวันละ 5-6 พันบาท

ร้านข้าวมันไก่ รถพ่วงข้างเล็กๆ ที่ขายข้าวมันไก่เพียงกล่องละ 10 บาท เปิดขายวันแรก…ขายได้เพียง 7 กล่อง , แถมยังโดนดูถูก-ดูแคลน.. ว่า… “เหมือนเด็กเล่นขายของ”

เรื่องราวเล็กๆ เส้นทางของผู้ชายคนหนึ่ง ที่คิดอยากจะมีอาชีพเป็นของตัวเอง กับความฝันที่คนรอบข้าง หาว่า.. “จะบ้าหรือ…ขายกล่องละ 10 บาท” ไปไม่รอดหรอก…

จากวันนั้น…จนถึงวันนี้ บทพิสูจน์เหล่านั้นถูกตีแตกกระจาย เขาขายได้วันละ 5,000 – 6,000 บาท พอมีเงินเหลือเลี้ยงครอบครัวได้อย่างสบายๆ

แต่กว่า…จะมาถึงวันนี้ ผู้ชายคนนี้…ต้องผ่านอะไรมาบ้าง เราลองไปตามดูกันเลยครับ

เด็กเข็นของ วันละ 200 บาท

ย้อนไปปี 2554 คุณศิริพล มุสิกสวัสดิ์ ยังทำงานเป็นพนักงานสโตร์ คอยเข็นของ-จัดของในร้านเครื่องไฟฟ้าแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ “ร้านสหพาณิยช์” มีรายได้วันละ 200 บาท

พอมีครอบครัว ก็พยายามหาช่องทางใหม่ๆ พอดีได้มีโอกาสไปช่วยคุณน้าขายข้าวมันไก่ ที่จังหวัดนครนายกอยู่ 1 เดือน ซึ่งร้านข้าวมันไก่ของคุณน้า ขายข้าวมันไก่ในราคาก็ปกติ 30 บาท ขายดี-พออยู่ได้เลย

ในช่วงที่ช่วยคุณน้าขายอยู่ 1 เดือน นั้น คุณพล…ก็คิดว่า ถ้าเราเอาไปทำขายที่เชียงใหม่ ก็น่าจะขายดีเหมือนกัน…

Advertisements

จำนำมอเตอร์ไซต์ เอาเงินมาเปิดร้าน

พอ..คุณพล ได้ความคิดในการเปิดร้าน จึงเริ่มจากจุดเล็กๆ “ร้านมอเตอร์ไซต์พ่วงข้าง” สะดวก-ไปด้วยทุกที ลงทุนไม่เยอะมาก

ซึ่งตอนนั้น… (ปี 2555) คุณพล มีเงินเก็บอยู่ 8,000 บาท , มีรถมอเตอร์ไซต์อยู่ที่บ้าน 1 คัน แต่จากการคำนวณต้องใช้เงินลงทุนซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ประมาณ 17,000 บาท ทั้งค่าอุปกรณ์ ทั้งป้ายไวนิลติดร้าน ทำให้ต้องเอามอเตอร์ไซต์ ไปจำนำ เพื่อนำเงินมาลงทุน ได้เงินมาอีก 9,000 บาท รวมได้ประมาณ 16,000 บาท จึงพอเปิดร้านได้

จะขายกล่องละ 10 บาท , กับหาว่า “เด็กเล่นขายของ”

ช่วงปี พ.ศ.2555 ไอเดีย “ขายกล่องละ 10 บาท” ยังไม่เป็นที่นิยม ไม่ค่อยมีคนทำขายในลักษณะนี้ อาจเป็นเพราะ…ราคาขายที่ถูก ทุกคนจึงคิดว่า..ไม่มีกำไร เลยไม่มีคนนิยมทำกัน

แต่ในความคิด…ของคุณพล กับคิดตรงกันข้าม ขายในราคา 10 บาท , คนที่มีรายได้น้อย-จะได้ซื้อได้ ขายก็ได้ง่าย เด็กนักเรียนก็ซื้อได้ อิ่มพอดี-พอดี , คุณพลเล่าให้ฟังว่า…ผมนึกถึงตอนที่ผมทำงานเข็นของ ถ้ามีร้านแบบนี้ จะดีมากๆเลย

แต่คนรอบข้าง…กับ ดูถูกว่า…เปิดร้านแบบนี้ ทำเหมือนเด็กเล่นขายของ ทำไปได้… เจ๊งชัวร์ , คุณพลได้แต่เก็บคำดูถูกเหล่านั้นไว้ในใจ เพื่อสร้างแรงฮึดให้กับตัวเอง แล้วลบคำสบประมาทเหล่านั้น…ให้จงได้

เปิดขายวันแรก ขายได้ 7 กล่อง

ไปเปิดขายวันแรกที่หน้าโรงเรียนพระนอนขอนม่วง ซึ่งเป็นโรงเก่าของคุณพลเอง วันแรกขายได้แค่ 7 กล่อง ทำให้คุณพล ต้องหากลยุทธ์เข้าถึงลูกค้า

กลับมานั่งวิเคราะห์ อะไรที่ทำให้ลูกค้าไม่ซื้อ คุณพลสรุปมาเป็นข้อๆ ดังนี้
1.) ราคา 10 บาท, ลูกค้ากลัวว่า..ไม่อร่อย
2.) ราคา 10 บาท, ลูกค้ากลัวว่า..ใช้วัตถุดิบไม่ดี
3.) ลูกเคยชินกับร้านเดิมๆ มากกว่า

วิธีแก้ไข “ทำยังไง…ให้ลูกค้าชิมข้าวมันไก่ของเราให้ได้” คุณพลเล่าว่า… “ตอนนั้นผมมั่นใจ ในรสชาติ-คุณภาพวัตถุดิบ ของข้าวมันไก่ตัวเองมาก เพียงแต่จะทำยังไง ให้ลูกค้าได้กินข้าวมันไก่ ของร้านเราให้ได้ก่อน ถ้าได้ลองกิน…ต้องกลับมาซื้อซ้ำเป็นแน่” คุณพลจึงเริ่มจัดโปรโมชั่น+ประชาสัมพันธ์

1.) แจกให้คนรู้จักได้ชิม ที่อยู่ใกล้ๆร้าน เพื่อให้เค้าช่วยบอกต่อ…
2.) แจกใบปลิวรับส่วนลด คุณพลไปแจกใบปลิวที่ตลาด และสามารถนำมาใบปลิวนั้น มาเป็นส่วนลด 5 บาท , เพื่อซื้อข้าวมันไก่เพียงกล่องละ 5 บาท เท่านั้น

จากหม้อข้าว 3 ลิตร, ขยับไปเป็น 5 ลิตร , 7 ลิตร , 10 ลิตร ตามลำดับ

ใช้เวลาจัดโปรไม่กี่วัน ยอดขายก็ขยับเพิ่มขึ้นเท่าทวีคูณ จากที่ใช้หม้อข้าวไฟฟ้า 3 ลิตร ต้องเปลี่ยนมาเป็น 5 ลิตร , 7 ลิตร และ หม้อหุงข้าวไฟฟ้า 10 ลิตร ตามลำดับ (ปัจจุบัน 10 ลิตร 2 หม้อ)

เตรียมของตั้งแต่ตี 1 , เริ่มขายตี 4 , แปดโมงเช้า..หมด

คุณพลยังเล่าให้ฟังต่ออีกว่า…ทำอาชีพแบบครอบครัว ทุกคนช่วยกัน คุณแม่ช่วยผูกถุงน้ำจิ้ม ภรรยาช่วยเตรียมของตั้งแต่ตีหนึ่ง ลูกๆกลับจากโรงเรียน ก็มาช่วยล้างอุปกรณ์เครื่องครัว ทุกคนช่วยกันหมด

พอตี 4 ก็ไปเปิดร้านขายที่หน้าโรงเรียน ซึ่งเวลาขายนี่..มันส์มากๆ ทุกอย่างต้องพร้อม… ทุกอย่างต้องเร็ว… ผมขายวัน 1 เกือบ 500-600 กล่อง ขึ้น จึงต้องตักข้าวเตรียมไว้เป็นรอบๆ

แถมยังต้องบริหารลูกค้า เพราะลูกค้า มีทั้งแบบ ขี่มอเตอร์ไซต์มาซื้อ บางคนก็ขับรถยนต์มาซื้อ ต้องจัดสรรให้ไว ไม่งั้นจะทำให้รถติดได้

กำไรกล่องละ 1 บาทกว่า แต่ก็พออยู่ได้

คุณพลเล่าต่ออีกว่า…ขายของลักษณะนี้ ต้องอาศัยขายจำนวนมาก ถึงจะอยู่ได้ โดยเฉลี่ยแล้วมีกำไร ตกกล่องละ 1 บาทกว่า , ซึ่งยอดขาย…ก็ขึ้นยอดแต่ละช่วงด้วย ถ้าวันไหนฝนตก…ขายลดลงไปหน่อย

แต่ช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี ก็จะขายได้เยอะหน่อย ซึ่งช่วงนี้ขายได้ราว 5,000 – 6,000 บาท หักโน่น-หักนี่แล้ว พอมีเหลือวันละ 1,000 กว่าบาท ก็พอเลี้ยงครอบครัวได้

ขายของกิน สำคัญที่คุณภาพ และคุณธรรม

คุณพลเล่าถึงเคล็ดลับ…ที่ขายมาได้จนถึงทุกวันนี้ คือ ต้องมี “คุณภาพ และ คุณธรรม” ข้าวมันไก่ของคุณพล จะมีสูตรตายตัว ที่ถูกคิดค้นและพัฒนา จนเป็นที่พอใจ ทุกอย่างใช้การชั่งตวงวัด ที่เหลือคือเรื่องการใส่ใจ ในวัตถุดิบ

ทุกวัน….ที่ทำข้าวมันไก่ไปขาย ต้องเหมือนกันทุกวัน บ้างครั้งข้าวแข็งเกินไป วันนั้น…ก็จะไม่ได้ขายเลย

ส่วนเรื่อง “คุณธรรม” ความซื่อสัตย์ที่มีต่อลูกค้า คุณพล กล่าวว่า…บางช่วงเวลา ต้นทุนวัตถุบางตัวขึ้นเอามากๆ แต่ไม่เคยปรับลดสูตร ทุกอย่างต้องเหมือนเดิม อาศัยวัตถุดิบตัวนั้นขึ้น, ตัวนี้ลง ก็พอถูไถไปได้ , “มันขึ้นได้-เดี๋ยวมันก็ลง”

ทำให้ตลอดระยะ 5 ปี ที่เปิดร้านมา มีลูกค้าแน่นร้านทุกวัน…

ออกโทรทัศน์

คุณพล…เล่าต่อว่า ช่วงที่พีคสุดๆ คือ ช่วงที่มีสื่อโทรทัศน์เอาไปออก ช่วงนั้นยอดถล่มถลาย มีออร์เดอร์แบบเหมาเข้ามาตลอด 6 วัน/สัปดาห์ ,จนลูกค้าประจำ ต้องบอกว่า… “ให้มาเปิดขายบ้าง”

คุณพล จึงต้องตัดสินใจ…งดรับออร์เดอร์แบบเหมา กลับมาเปิดขายที่หน้าโรงเรียน เอาลูกค้าประจำไว้ก่อน เพราะร้านเกิดมาได้ ก็ด้วยลูกค้าประจำ ณ.ตรงนี้

Leave a comment ยกเลิกการตอบ