bannera1

เดคูพาจ ธุรกิจมาแรง สร้างงาน Handmade ที่ใครก็ทำได้

               เดคูพาจ (หรือ Découpage) มันคืออะไรทำไมถึงจะมาเป็นธุรกิจได้ บางคนก็อาจจะไม่รู้จักกับเดคูพาจซึ่งผู้เขียนก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเหมือนกัน (ฮา) แต่มีแมวตัวหนึ่งกระซิบมาว่าตอนนี้เป็นธุรกิจที่กำลังมาแรงมากน่าสนใจมาก ขั้นตอนการทำก็ไม่ยุ่งยาก เป็นงานประดิษฐ์ที่ใครๆ ก็สามารถทำได้ แถมยังได้งานที่เป็นงานฝีมือที่ไม่เหมือนใคร สามารถพัฒนาต่อยอดไปได้อีกหลายเส้นทาง เป็นอย่างไรบ้างครับเริ่มแล้วใช้ม้า มาเปิดโลกใหม่ๆ กันเลย





Advertisements

 

               เดคูพาจ (หรือ Découpage) ในปัจจุบันคือการนำกระดาษที่เรียกว่ากระดาษ แนพกิ้นส์ (Napkins) ซึ่งมีลวดลายต่างๆ มาติดกับชิ้นงานหลากหลายรูปแบบ ไม่จำกัดไอเดีย ใครอยากติดอะไรก็ติดได้หมดทุกอย่าง โต๊ะ ตู้ พื้น ผนัง ฝาบ้าน ขอบโถสุขภัณฑ์ เอ้ย ไม่ใช่ละ (ฮา ถ้าใช้เองก็ติดได้นะ 55) กลับมาสาระกันต่อ ชิ้นงานที่ว่านั้นต้องเป็นชิ้นงานที่เราจะนำไปขายด้วยสิ ซึ่งตอนนี้หลายๆ คนมีการนำไปตกแต่งกับ กระเป๋า ถ้วย เครื่องจักรสานต่างๆ ทั้งที่ทำจากพลาสติก ทั้งพวกที่เป็นการสานใบลานหรือผักตบชวา หมวก กล่องกระดาษ เก้าอื้ไม้ หรือที่ฮิตสุดๆ ตอนนี้ก็คือ เคสโทรศัพท์มือถือ นั่นเอง ซึ่งของพวกนี้หากเรานำมาตกแต่งให้สวยงาม เก๋ไก๋ และเป็นงาน handmade ทางความคิดซึ่งแต่ละชิ้นจะไม่เหมือนกัน “สร้างความแตกต่างให้กับสินค้า” ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มมูลค่าให้สินค้าได้อีกไม่น้อยเลย

เดคูพาจ

นี้คือเดคูพาจกับเคสโทรศัพท์มือถือที่กำลังฮิตในตอนนี้

               ประวัติของเดคูพาจ (Découpage) ถ้าให้พูดคร่าวๆ นั้นเป็นเริ่มต้นจากศิลปะการตกแต่งโลงศพด้วยชิ้นส่วนของ Felts (เป็นผ้าสักหลาดชนิดหนึ่งมีลักษณะนุ่มมาก ในสมัยก่อนมีทำมาจากขนสัตว์ด้วย) ของชาวเผ่าหนึ่งในแถบไซบีเรียตะวันออกในสมัยก่อน(East Siberian tomb art) จากไซบีเรียแพร่เข้าสู่เอเชียจากทางประเทศจีน ต่อมาในยุคประมาณศตวรรษที่ 12 ก็เริ่มมีการดัดแปลงจากการตกแต่งโลงศพก็เปลี่ยนไปเป็นการใช้กระดาษให้เป็นชิ้น(cut out paper) แล้วนำไปตกแต่งสิ่งของอย่างอื่นเพื่อความสวยงามแทน เช่น โคมไฟ หน้าต่าง สิ่งของใช้อื่นๆ จนถึงในศตวรรษที่ 17 ในประเทศอิตาลี่โดยเฉพาะที่ เวนิส (Venice) หรือ เวเนเซีย (Venezia) ซึ่งในตอนนั้นนับว่าเป็นเมืองการค้าระดับต้นๆ ที่ทำการค้ากับประเทศทางตะวันออกไกล (ซึ่งก็คือประเทศทางแถบเอเชียนั่นเอง) ในจุดนี้จึงทำให้ศิลปะการตกแต่งด้วยเศษกระดาษเริ่มเข้ามาแพร่หลายในทางยุโรปต่อมา ประวัติคร่าวๆ แค่นี้ละกัน ใครอยากรู้ไปอ่านต่อได้ที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Decoupage ได้เลย ขอบคุณที่มาจาก wikipedia ครับ

 

 

               ถ้าจะลองหาแนวทางการทำธุรกิจจาก เดคูพาจ (หรือ Découpage) บางคนก็จะเริ่มตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำผลิตวัตถุดิบต่างๆ ของเดคูพาจมาขาย บ้างเปิดคอร์สรับสอนการทำเดคูพาจให้เป็นหรือสอนให้ทำเป็นธุรกิจเลย บางคนก็นำวัตถุดิบการทำเดคูพาจมาขายให้กับทั้งคนทั่วไปและพ่อค้าแม่ค้าคนอื่นๆ บางคนก็นำมาเพิ่มมูลค่าของสินค้าที่ตัวเองมีอยู่ บางคนก็ทำเป็นงานเสริมรายได้ก็มี ซึ่งแต่ละรูปแบบนั้นต่างก็มีจุดอ่อนจุดแข็งต่างกันไป ในตอนนี้จะแนะนำในส่วนที่ใครก็สามารถทำได้นั่นก็คือการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ (Value Addad)

 

 

ขั้นตอนการทำเดคูพาจนั้นไม่ค่อยยุ่งยากเท่าไหร่ เป็นงานฝีมือที่ใครๆ ก็ทำได้ อุปกรณ์ที่จะต้องเตรียมก็ไม่มาก โดยสิ่งที่ต้องใช้ในการทำก็มี
               1. ชิ้นงาน แน่นอนว่าต้องมีชิ้นงานที่เราจะเพิ่มมูลค่าให้กับมัน จะเป็นอะไรก็ได้ แต่ถ้าจะให้ดีคือให้มองกลุ่มเป้าหมายหลักคือผู้หญิงนะ
               2. กระดาษแนพกิ้นส์ (Napkins) มีชิ้นงานแล้วก็ต้องมีพระเอกของงานก็คือกระดาษแนพกิ้นส์ที่มีลวดลายต่างๆ (จุดสำคัญที่สุดคือสามารถสร้างลวดลายต่างๆ ได้เอง ว้าวววว) ซึ่งหากสามารถทำลวดลายขึ้นเองได้จะยิ่งไม่เหมือนใคร ซึ่งจะมีกระดาษแนพกิ้นส์สีขาวเปล่าๆ ไม่มีลวดลายที่สามารถมาเพ้นท์วาดลวดลายต่างๆ หรือจะพิมพ์จากเครื่องปริ้นเตอร์ของคอมพิวเตอร์ก็สามารถทำได้ (หากใครใช้กับเครื่องปริ้นเตอร์ต้องใช้กับรุ่นที่เป็นหมึกกันน้ำเท่านั้นนะ) และกระดาษแนพกิ้นส์ก็มีหลายเกรดที่คุณภาพและราคาแตกต่างกัน
               3. กาวเดคูพาจ เรื่องของกาวที่ใช้ติดงานเดคพาจในปัจจุบันจะมีขายตามร้านเดคูพาจ แต่มีหลายคนได้ใช้กาวลาเท็กซ์มาผสมน้ำอุ่นตามสัดส่วน 1 ต่อ 2 หรือ 1 ต่อ 3 ก็สามารถนำมาใช้ได้เช่นกัน หากใครไม่เคยทำมาก่อนแนะนำให้ใช้กาวเดคูพาจฝึกฝนฝีมือให้ชำนาญพอที่จะดัดแปลงเองได้
               4. น้ำยาเคลือบเงา (Vanishing) ซึ่งเป็นน้ำยาเคลือบผิวงานชนิดหนึ่งมีหลายเกรด หลายคุณภาพ หากใครนึกภาพไม่ออกให้นึกถึงน้ำยาแลคเกอร์ที่ใช้เคลือบไม้ เคลือบเซรามิคให้ผิวเป็นมันเงาทำความสะอาดง่าย
               5. ฟองน้ำเล็กๆ ไว้สำหรับเช็ดให้เนื้อกระดาษยิ่งติดกับผิวงาน
               6. แปรงหรือพู่กันสำหรับทาวกาวและทาเคลือบ
               7. ไดร์เป่าผมสำหรับให้งานแห้งเร็วขึ้น
               8. ไอเดียเจ๋งๆ ตามแบบฉบับตัวเอง

 

“ในโลกของการทำงานไม่มีคำว่าเก่งหรือไม่เก่ง มีแค่ขยัน-ฝึกมากกับขี้เกียจ-ฝึกน้อย”

 

วิธีทำก็ไม่ยาก ใครไม่เป็นงานฝีมือเลยก็สามารถทำได้ งานทุกอย่างต้องฝึกมากๆ ยิ่งฝึกก็ยิ่งชำนาญ
      1. ก่อนอื่นก็ให้เราคิดรูปแบบที่เราจะทำ แล้วค่อยจัดวางเลย์เอาท์ต่างๆ บนชิ้นงานให้แน่นอนก่อน
      2. จากนั้นทำความสะอาดผิวงานให้เรียบร้อย หากชิ้นงานนั้นเป็นมันเงาเรียบ อาจใช้กระดาษทรายละเอียดขัดผิวเบาๆ บางๆ เพื่อให้กระดาษติดกับชิ้นงานดีขึ้น ไม่หลุดลอกออกเมื่อใช้งานจริง
      3. การทากาวลงบนชิ้นงานนั้นสามารถทำได้หลายวิธีตามเทคนิคของแต่ละคน จุดประสงค์คือ การทำให้กระดาษแนพกิ้นส์ติดกับชิ้นงานให้ราบเรียบมาที่สุดไม่มีฟองอากาศ ติดทนนานไม่หลุดหลอกออก
            – การทาปกติ ทากาวลงบนชิ้นงานให้ทั่ว โดยใช้แปลงหรือพู่กันเกลี่ยให้พอมาดไม่เยอะจนเหลวขนาดเปียก ทาทั่วเสมอกัน
            – บ้างก็การทาที่ขอบใดขอบหนึ่งของชิ้นงานเป็นจุดเริ่มต้น จากนั้นก็เอากระดาษแนพกิ้นส์ติดไว้เป็นฐานก่อน แล้วทากาวที่กระดาษแนพกิ้นส์ให้ทั่ว ค่อยๆ แปะกระดาษแนพกิ้นส์แล้วรีดให้เรียบเสมอกัน
            – หรือจะเป็นการทากาวเดคูพาจลงบนชิ้นงานหลายรอบ แต่ละรอบเหมือนกับการเพิ่ม Layer ให้ชิ้นงาน เพื่อให้การยึดติดมั่นคงทนทานไม่หลุดหลอก วิธีนี้จะทำการทาการ 1 ชั้น รอให้แห้งหรือใช้ไดร์เป่าให้แห้งมาด จากนั้นก็ทารอบที่2-3ทำเหมือนเดิม
            – วิธีอื่นๆ ตามเทคนิคความชำนาญ และการทากาวที่มากจนชุ่มเกินไปจะทำให้กระดาษแนพกิ้นส์เป็นสีเหลืองได้เมื่อเวลาผ่านไป หากใครเคยใช้กาวลาเท็กซ์มาก่อนน่าจะนึกภาพออก
      4. เมื่อติดเรียบร้อยก็ให้ตกแต่งส่วนที่เกินออกมาจากชิ้นงานเก็บรายละเอียดให้เรียบร้อยหรือหากงานติดเรียบพอดีก็ไปขั้นตอนต่อไปกันเลย
      5. จากนั้นใช้ฟองน้ำชุบน้ำมาดๆ เช็ดไปบนกระดาษเพื่อให้กระดาษและกาวเป็นเนื้อเดียวกันและติดกับชิ้นงานมากที่สุด
      6. เสร็จแล้วก็ทิ้งไว้จนแห้งหรือใช้ไดร์เป่าผมเป่าให้แห้งสนิท
      7. เมื่อแห้งสนิทแล้ว (ต้องแห้งสนิทจริงๆ) แล้วค่อยใช้น้ำยาเคลือบผิวงานให้เป็นมันเงาดูสวยงาม ทิ้งไว้จนแห้งหรือไดร์เป่าอีกรอบก็เป็นอันเรียบร้อย เห็นไหมง่ายนิดเดียว

               สำหรับสินค้าในกลุ่ม เดคูพาจ นั้นสามารถกำหนด Position ของสินค้าได้หลากหลาย บ้างตั้งตามกลุ่มลูกค้า บ้างตั้งตามผลงานไอเดีย ซึ่งแต่ละกลุ่มนั้นหมายถึงคุณค่าของผลงานและราคาขาย มีตั้งแต่ของระดับทั่วไปราคาถูกเป็นสินค้าทั่วไป กลุ่มกลางเป็นงานแฮนด์เมดราคาหลักร้อยถึงหลักพัน จนถึงเป็นของพรีเมี่ยมให้คุณค่าทางความรู้สึกราคาหลักหมื่นก็มี และเทคนิคการกำหนด position ของสินค้าในกลุ่ม เดคูพาจ นี้มีปัจจัยที่ต้องพิจารณาก็คือ คุณภาพของงานฝีมือ คุณภาพของไอดีย และคุณภาพของวัตถุดิบ ซึ่งหากใครจะทำเป็นธุรกิจควรวางแผนให้ดี พัฒนาฝีมือมากก็ยิ่งเพิ่มมูลค่าของสินค้าได้มาก โดยการกำหนดราคาพื้นๆ สำหรับผู้ไม่เคยทำมาก่อนอาจใช้ประเมินได้จาก ราคาต้นทุนวัสดุ+คุณภาพฝือมือ+ค่าไอเดีย+50%

 

 

               สินค้าในกลุ่ม เดคูพาจ นี้ก็มีจุดที่ควรคิดอยู่หลายจุดเช่น สินค้าเป็นงานฝีมือคุณภาพอาจไม่คงที่ กำลังการผลิตน้อยใช้เวลาในการทำงานมาก หากมีการจ้างแรงงานคุณภาพก็อาจไม่ได้ตามที่กำหนด หรือการประชาสัมพันธ์ไม่เป็นสื่อถึงคุณค่าของงานไม่ได้ อธิบายก็คือ ฝีมือได้+ไอเดียดี+คุณภาพดี แต่สื่อไม่ได้ ลูกค้าไม่เห็นถึงคุณค่าของงาน ภาพลักษณ์ของสินค้าไม่มี ลูกค้ามองว่าเป็นสินค้าทั่วไปก็เจ๊งได้เหมือนกัน





Advertisements

               สรุปแล้วการตกแต่งด้วย เดคูพาจ นี้นับเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจมาก สำหรับทุกคนที่กำลังมองหาอาชีพที่สามารถสร้างสรรค์ได้เอง ซึ่งใครก็สามารถทำได้ ทุกเพศทุกวัย จะทำเป็นธุรกิจหลักหรือรายได้เสริมก็ดี จะไปต่อยอดก็ได้ ต้นทุนที่ใช้ไม่มาก หากใครสนใจทดลองทำในช่วงแรกก็แค่ไปหาอุปกรณ์มาลองทำดูก็ได้ เดคูพาจต้องลองถึงจะรู้ ว่าแล้วก็ไปหามาทำกันได้เลย

ขอขอบพระคุณรูปภาพต่างๆ จากพี่หนูและเพื่อนแป๋วที่ส่งภาพที่เดคูพาจทำเองมาให้มากครับ^-^ (พี่สาวและเพื่อนสุดเลิฟของแมวอ้วนจอมซน แต่ละชิ้นฝีมือขั้นเทพทั้งนั้น อิอิ)

เขียนโดย อาซาดะ ริวอิจิ
ลิขสิทธิ์โดย อาซาดะ ริวอิจิ
ทำเลขายของ.com

copyright

Leave a comment

E-mail ของคุณจะไม่แสดงขึ้นมาก.


*

กรอกเป็นตัวเลข * Time limit is exhausted. Please reload the CAPTCHA.